ไม่พบผลการค้นหา
‘เศรษฐา’ เผยเชิญ ’สี จิ้นผิง‘ เยือนไทยครบรอบสัมพันธ์ 50 ไทย-จีน ปีหน้า เตรียมเฮ 'รมว.ต่างประเทศจีน' ตอบรับให้หมีแพนด้า กลับมาสวนสัตว์เชียงใหม่อีกครั้ง ขณะที่ภาครัฐ-เอกชน สนใจแลนด์บริดจ์ แต่ขอข้อมูลเพิ่ม ‘สุริยะ’ เตรียมบินโรดโชว์เร็วๆ นี้

วันที่ 29 ม.ค. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือ หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ได้มีการพูดคุยกันหลายมิติ ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ได้มีการเซ็นสัญญากับ ปานปรีย์ พหิธทานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าฟรี ที่ไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทางของทั้งสองประเทศ โดยจะเริ่มต้นวันที่ 1 มี.ค.นี้ ถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เป็นความไว้วางใจที่สองประเทศมีให้กัน มิตรภาพที่มีต่อกันมาก็จะครบ 50 ปีในปีหน้านี้ และถือเป็นมิติที่ดีที่จะสนับสนุนการไปมาหาสู่กัน อีกทั้งแน่นอนว่าการท่องเที่ยวถือเป็นความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างสูง 

ขณะเดียวกับ หวัง อี้ ยังบอกว่าประเทศจีน มีวัฒธรรมที่หลากหลาย อยากให้คนไทยไปที่นั่น ตนก็บอกว่าเราสนับสนุนการเดินทางไปมาของประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันถึงจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับเข้ามาสู่จำนวนปกติตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดที่มีจำนวน 2,000 ไฟลท์ ปัจจุบันมีแค่ 1,200 ไฟลท์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการยกระดับให้ไปมาหาสู่กันสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งตนมั่นใจว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสูงขึ้น ประเทศไทยก็จะได้ไปท่องเที่ยวจีนถือเป็นผลดีของทั้งสองประเทศ 

เศรษฐา กล่าวอีกว่า ประเทศไทยยืนยันเจตนารมณ์ให้การสนับสนุนการเป็นประเทศกลางที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีนคุยกันอย่างหลายมิติ ซึ่งต่อไปก็ยินดีให้การสนับสนุนในการเจรจาลักษณะนี้เกิดขึ้น ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเอง ก็ระบุว่าตอนที่มีดำริว่าจะมีการพูดคุยกัน ก็ระบุว่าต้องเป็นประเทศในเอเชีย ทางจีนก็บอกเองเลยว่าต้องเป็นประเทศไทย ซึ่งบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดี มีมิตรไมตรีจิตที่ดีต่อกันมาโดยตลอด อีกทั้งถือเป็นการประชุมประวัติศาสตร์ครั้งแรกๆ เลยก็ว่าได้ 

เศรษฐา กล่าวต่อว่า เรื่องของการค้าระหว่างประเทศ ก็ได้มีการพูดคุยในหลายมิติ ทั้งเรื่องการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่แค่เรื่องรถยนต์อีวีอย่างเดียว ยังมีเรื่องรถไฟความเร็วสูงที่จะใช้เส้นทางผ่านจังหวัดหนองคายมุ่งหน้าไปยังประเทศจีน และยังมีเรื่องปัญหาเล็กน้อยคือเรื่องศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าก็มีการพูดคุยกัน รวมถึงเรื่องการค้าขายด้านเกษตรกรรมทั้งการค้าโคที่ประเทศจีนต้องการอย่างมาก แต่ด่านกักกันตรวจเชื้อโรคอยู่ที่ประเทศลาว ว่าทำให้การค้าไม่ค่อยสะดวก 

เศรษฐา กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังมีการคุยกันเรื่องหมีแพนด้า หลังประเทศไทยเคยมีแต่ปัจจุบันนั้นไม่มี และตนได้ไปดูในทวิตเตอร์ว่าประเทศที่มีหมีแพนด้านั้นเขามีกันกี่ตัวไล่ลงมาหลายประเทศแต่ประเทศไทยนั้นมีศูนย์ตัว ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนที่ดี ถึงความสัมพันธ์ด้านการทูตอย่างดีกับประเทศจีนตลอด 50 ปี ก็ได้เรียนขอกับ หวัง อี้ ไปท่านก็ยินดี และเราจะมีหมีแพนด้า กลับมาอีกครั้งที่สวนสัตว์เชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องแลนด์บริดจ์ที่ทาง หวัง อี้ เอ่ยขึ้นมาเองว่าประเทศจีนมีความสนใจ แต่ว่าต้องขอข้อมูลเพิ่ม รวมถึงภาคเอกชนก็มีความสนใจมีส่วนร่วม เพราะเขาทราบดีถึงเหตุผลหลักที่เราควรจะมีโครงการนี้ เพราะการลงทุนที่มีจากประเทศจีนหลายปีหลัง บริษัทใหญ่ในจีนเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในเมืองไทย และจะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออก ดังนั้นเราต้องมีท่าเรือน้ำลึก จะต้องมีโครงการเมกะโปรเจกที่จะมาซัพพอร์ตส่วนนี้ด้วย และทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็จะเดินทางไปทำโรดโชว์ที่ประเทศจีนด้วย

เมื่อถามว่า หากเป็นไปตามที่กล่าวข้างต้น มูลค่าทางการค้าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เศรษฐา กล่างว่า ตนคาดเดาไม่ได้ แต่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนี่คือจุดเริ่มต้น เรามีความสัมพันธ์อันดีกันอย่างยาวนาน ขณะที่ปีหน้าก็ครบ 50 ปีด้วย ตนก็ได้เรียนเชิญประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ให้มาเยือนประเทศไทย