วันที่ 8 เม.ย.2567 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีรัฐบาลเมียนมา ประสานรัฐบาลไทย เพื่อขอใช้สนามบินแม่สอด ลงจอดเครื่องบินของกองทัพ ว่า ตนเองได้รับการรายงานเรื่องนี้แล้ว ตามที่ จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องการขนย้ายสิ่งของพลเรือนตามปกติ ไม่มีการขนส่งทางทหาร โดยมีการขออนุญาติอย่างถูกต้อง พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการขนอาวุธ หรือพลทหาร
ส่วนกระทรวงกลาโหม ได้มีเอกสารเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และจะมีการเรียกประชุมเรื่องนี้ที่ทำเนียบหรือไม่นั้น ตนเอง ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องใหญ่ในเมียนมา ที่จะมีการเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการนายกฯ มาประชุมเพื่อที่จะได้ออกมาในทิศทางเดียวกัน
ส่วรพื้นที่ชายแดนไทย ที่ติดต่อกับเมียนมา หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ จนทำให้มีผู้ลี้ภัยทะลักเข้ามาในประเทศไทย จะจัดการอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องนี้ต้องการการบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพ เพราะมีชายแดนที่ติดต่อกันประมาณ 2,000 กิโลเมตร โดยมีประชาชนจำนวนใกล้เคียงกัน ความประสงค์ของรัฐบาลไทย คืออยากให้ประเทศเมียนมาสงบ และเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ และอยากให้มีเสรีภาพเกิดขึ้นในเมียนมา
ส่วนแผนรองรับหากมีการทะลักเข้ามาของผู้ลี้ภัยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่มีการทะลักเข้ามา ส่วนจุดพักพิงด้านสิทธิมนุษยชน จากที่ได้รับรายงานมาก็ยังไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า เรื่องสิทธิมนุษยชน ที่มีการรับผู้ลี้ภัยเข้ามาแล้ว ในอนาคตจะมีการส่งต่อ หรือส่งกลับอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าพึ่งไปคาดเดาเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ให้ความสำคัญกับความสงบ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน