ไม่พบผลการค้นหา
'กัณวีร์' สะกิดรัฐบาลไทยใส่ใจสันติภาพใกล้ตัวด้วย ระบุ รัฐบาลทหารเมียนมายิงถล่มค่ายผู้ลี้ภัยในรัฐคะฉิ่น ต้องช่วยกันเรียกร้องและประนาณการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน

วันที่ 10 ต.ค.66 กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงความเห็นต่อกรณีสถานการณ์สงครามในอิสราเอล โดยระบุว่า ประเด็นสงครามและสันติภาพที่ทั่วโลกให้ความสนใจคือประเด็นที่เกิดขึ้นในอิสราเอลนั้น การโจมตีอย่างไร้มนุษยธรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อหมู่มวลมนุษยชาติ ในประเทศไทยได้มีหลายภาคส่วนให้ความคิดเห็นและแสดงจุดยืนกันหลากหลาย เนื่องจากพี่น้องประชาชนคนไทยหลายหมื่นคนได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาซึ่งอยู่ติดกับไทยฝั่งตะวันตก ดูเหมือนการให้ความสำคัญน้อยกว่าควรที่จะเป็น 

กัณวีร์ เห็นว่า ผลกระทบฝั่งตะวันตกของไทยมีอย่างมากมายแต่อาจจะดูว่าผลกระทบของความรุนแรงที่กระทบต่อคนไทยอาจดูน้อยกว่าที่อิสราเอล แต่ในความเป็นจริงนั้นผลกระทบมันยาวนานและได้ฝังรากลึก จนดูเหมือนสิ่งที่ไม่ธรรมดาอันนี้กลายเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ไทยเริ่มมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดานั่นเอง

"อย่าหลงทิศกันนะครับ เราควรให้ความใส่ใจในประเด็นปัญหาสงครามและสันติภาพในทุกภูมิภาคบนโลกใบนี้แบบเท่าเทียมและดูว่าอะไรจะเป็นผลกระทบต่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เวลาเราวิเคราะห์ปัญหาสถานการณ์โลกออกมาจะสามารถเห็นได้ว่าประเทศไทยควรวางตัวในจุดใดบนเวทีระหว่างประเทศ"

กัณวีร์ ย้ำว่า หากมองให้ดีจะเห็นว่าปัญหาในเมียนมา ประเทศไทยสามารถมีบทบาทขับเคลื่อนเรื่องสันติภาพได้ดีที่สุด ทั้งในแง่มุมของภูมิรัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวิถีการดำรงชีวิต ซึ่งหากวางจุดยืนทางการทูตของไทยดีๆ จะทำให้ผลกระทบต่อคนไทยในพื้นที่ผลกระทบจะสามารถเบาบางลง

"การยิงถล่มค่ายผู้ผลัดถิ่นภายในประเทศที่รัฐคะฉิ่นของเมียนมา ที่มีพื้นที่ใกล้กับจีนนั้น อาจดูเหมือนห่างไกลกับไทย แต่มันจะมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่จะกลับเข้ามากระทบต่อฝั่งไทยในไม่ช้า ทหารเมียนมาเริ่มเปลี่ยนจุดยุทธศาสตร์ทางทหารไปในดินแดนที่ติดกับจีน อาจเป็นด้วยเหตุผลที่รัฐบาลจีนมิได้มีความเคลื่อนไหวต่อต้านการริดรอนสิทธิมนุษยชนในเมียนมาเนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อนด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนอย่างมาก"

กัณวีร์ กล่าวว่า หากรัฐบาลไทยหลงทาง เดินตามนโยบายเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนกับทหารเมียนมาเพียงอย่างเดียวแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานทหารเมียนมาจะกลับมาเพิ่มระดับการปฏิบัติการทางทหารในฝั่งระเบียงชายแดนด้านตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดกับไทยในไม่ช้า

"วิเคราะห์เรื่องสงครามและสันติภาพโลกอย่างครอบคลุม จะทำให้ไทยมีจุดยืนที่สง่าผ่าเผย รวมทั้ง รักษาอำนาจอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดนไว้อย่างมั่นคง และที่สำคัญที่สุดผลประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่กับพี่น้องประชาชนคนไทยและประเทศชาติโดยรวมครับ"

ส่วนกรณีปัญหาอิสราเอลและปาเลสไตน์ นายกัณวีร์ กล่าวว่า ในส่วนที่เคยทำงานด้านสันติภาพมา 12 ปี แน่นอนว่าเราคาดหวังที่จะไม่มีสงครามในโลกนี้ แต่ต้องใช้เวลานาน สิ่งที่เราจะทำได้ คือยืนหยัดในการสนับสนุนสันติภาพ ส่วนจุดยืนทางการทูตของไทย เราต้องก้าวข้าม จากกระบวนทัศน์เดิมที่ยึดหลักอนุรักษ์นิยมอิงความมั่นคง จึงควรปรับเปลี่ยนใช้สิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรม ทำงานให้มากขึ้นกว่านี้