ไม่พบผลการค้นหา
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเผยความคืบหน้า 2 โครงการสินเชื่อ ‘พิโกไฟแนนซ์ - สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน’ หวังแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ แจง ‘พิโกไฟแนนซ์’ มียอดสินเชื่อคงค้าง 224 ล้านบาท เป็นเอ็นพีแอลร้อยละ 3 ฟากสินเชื่อรายย่อยฯ ผ่านออมสิน-ธกส. ยอดปล่อยกู้สะสมกว่า 12,000 ล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบประจำเดือน มิ.ย. 2561 ว่าสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2559 ที่กระทรวงการคลังเปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เป็นต้นมา จนถึง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2561 (รวมระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน) มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตทั้งสิ้น 496 ราย ใน 67 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตมากที่สุด3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 46 ราย กรุงเทพมหานคร 42 ราย และร้อยเอ็ด 30 ราย 

ทั้งนี้ มีจำนวนที่คืนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 85 ราย ใน 42 จังหวัด จึงมีนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิ 411 ราย ใน 64 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 369 ราย ใน 64 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ ได้เปิดดำเนินการแล้ว 262 ราย ใน 60 จังหวัด และมีผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อแล้ว 234 ราย ใน 59 จังหวัด โดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตสามารถปล่อยสินเชื่อได้ภายในเขตจังหวัดให้แก่ผู้มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ภายในจังหวัดนั้น ๆ วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate) 

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2561 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 23,607 บัญชี รวมเป็นเงิน 602.39 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 25,517.34 บาทต่อบัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 11,956 บัญชี เป็นเงิน 361.80 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60.06 ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 11,651 บัญชี เป็นเงิน 240.59 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.94 ของจำนวนสินเชื่อที่อนุมัติ 

ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมมีทั้งสิ้น 10,097 บัญชี คิดเป็นเงิน 224.50 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน มีจำนวน 694 บัญชี คิดเป็นเงิน 18.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.15 ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน (NPL) จำนวน 283 บัญชี คิดเป็นเงิน 6.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.09 ของสินเชื่อคงค้างรวม

สำหรับโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ที่เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. 2560 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเข้าถึง

แหล่งเงินทุนในระบบ แทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พบว่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2561 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 279,548 ราย เป็นเงิน 12,483.56 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 262,128 ราย เป็นเงิน 11,709.70 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติแก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ จำนวน 17,420 ราย เป็นเงิน 773.86 ล้านบาท

อีกทั้ง ยังได้ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการสะสมนับตั้งแต่เดือน ต.ค 2559 เป็นต้นมา ถึง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2561 (รวมระยะเวลาทั้งหมด 1 ปี 9 เดือน) มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 2,989 คน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ยึดแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล เพื่อให้การแก้ปัญหามีความยั่งยืนใน 5 มิติ ได้แก่ (1) ดำเนินการจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย (2) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ (3) ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ย (4) เพิ่มศักยภาพลูกหนี้นอกระบบ และ (5) การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแบบครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การร่วมผลักดันเจ้าหนี้นอกระบบรายใหญ่ที่มีลูกหนี้จำนวนมากเข้าสู่การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ของคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัด 

และขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนเจ้าหนี้นอกระบบให้หันมาดำเนินธุรกิจสินเชื่อในระบบให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นแหล่งเงินกู้ทางเลือกที่สำคัญของประชาชน 

นอกจากนี้ หากพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่ได้รับใบอนุญาตมีการปล่อยเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย ขอให้ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายและแจ้งมายัง สศค. เพื่อพิจารณาบทลงโทษหรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป 

สำหรับประชาชนผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์ www.1359.go.th และสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสินเชื่อนอกระบบได้โดยตรงที่สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1135 หรือขอคำแนะนำได้ที่ สายด่วน 1359


อ่านเพิ่มเติม :