10 ต.ค. 2566 เวลา 15.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ กาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล หลังร่วมประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center -RRC) เสร็จสิ้น ว่า มีคนไทยขอกลับเพิ่ม 3862 คน ไม่กลับ 52 คน ส่วน 15 คนที่ประสงค์จะเดินทางกลับไทยจะถึงกรุงเทพฯ วันที่ 12 ต.ค. เวลา 10.35 น. ทันทีที่มาถึงจะมีการตรวจสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงานจะเยียวยาต่อ
ส่วนการส่งเครื่องบินกองทัพอากาศ แอร์บัส 340 จะไปรับคนไทยที่กรุงเทลอาวีฟ ในวันที่ 15 ต.ค. จำนวน 140 คน หวังว่าจะดำเนินการลุล่วง สำหรับเที่ยวบินพาณิชย์รอบที่สอง จะถึง วันที่ 18 ต.ค. ซึ่งต้องเร่งช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ในโซนสีแดง-เหลืองออกมาก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือทุกจังหวัด เปิดสายด่วน 1694 ให้ญาติที่อยู่ไทยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำว่า ภาครัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด เพราะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ สถานทูตไทยได้เร่งประสานงานกับสถานทูตประเทศต่างๆ ในประเทศ เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับกุม ซึ่งทางการไทยพยายามทุกด้านให้ได้รับการช่วยเหลือให้ไวที่สุด
ต่อกระแสข่าวว่ามีแรงงานไทยบางส่วนกลับมาถึงไทยแล้ว กาญจนา ชี้แจงว่า มีบางส่วนใช้เครื่องบินพาณิชย์กลับมา เนื่องจากท่าอากาศยานยังเปิดอยู่แม้จะมีการลด-ยกเลิกเที่ยวบิน ใครที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยสามารถเดินทางกลับได้ ไม่ต้องรอทางการช่วยเหลือ แต่ทางการพร้อมดูแลทุกคน และขอให้ทุกคนเข้าใจว่าตอนนี้อยู่ในสภาวะสงคราม การเดินทางเข้าออกค่อนข้างลำบาก
สำหรับการขออนุญาตใช้น่านฟ้าเข้าอิสราเอล เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการกับประเทศนั้น ทางการไทยได้ติดต่อกับทางการอิสราเอลโดยตรง ส่วนการที่ต้องบินผ่านน่านฟ้าประเทศต่างๆ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ด้านการทูตกับอิสราเอล ไม่สามารถผ่านได้ จะต้องบินผ่านน่านฟ้าอื่น จะใช้เวลาบิน 8-12 ชม. ถ้ากองทัพอากาศส่งแผนเส้นทางการบินมาให้แล้ว จึงจะทำเรื่องขออนุญาตบินเข้าน่านฟ้า ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเตรียมขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าของแต่ละประเทศและบินเข้าอิสราเอล เนื่องจากเป็นการใช้เครื่องบินของกองทัพไม่ใช่เครื่องบินพาณิชย์ที่สามารถบินตามเส้นทางได้เลย
เมื่อถามว่า เครื่องบินแอร์บัส 340 ของกองทัพอากาศจะมีร่างผู้เสียชีวิตด้วยหรือไม่ กาญจนา ระบุว่า ยังไม่มี เพราะยังต้องรอทางการอิสราเอลพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อเจรจากับทางการอิสราเอลในการเยียวยากับครอบครัวผู้เสียชีวิต
“สถานทูตอิสราเอลได้คุยกับมิตรประเทศอื่นที่จะเข้ามาช่วยเหลือช่วยเหลือสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะมีพลเมืองหลายประเทศได้รับความเดือดร้อน เป็นการช่วยเหลือจากทุกทาง รวมถึงสหสหประชาชาติที่อยู่ในพื้นที่ ก็จะให้ข้อมูลและช่วยเหลือคนไทยได้”