วันที่ 6 พ.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินการแพทย์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นหญิงอายุ 27 ปี เป็นหญิงไทยชาวบุรีรัมย์ เพิ่งกลับมาจากประเทศรัสเซีย เมื่อ 3 พ.ค. และอยู่กักตัวในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่ง state quarantine ของรัฐ โดยในเที่ยวบินเดียวกันมีผู้โดยสารทั้งหมด 70 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมในไทยมี 2,989 ราย หายแล้ว 2,761 ราย
และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นชายชาวออสเตรเลียอายุ 69 ปีเป็นผู้จัดการโรงแรมในจังหวัดพังงามีอาการไอและอ่อนเพลียไปรักษาที่คลินิกเมื่อวันที่ 18 มี.ค. มีไข้ 37 องศาเซลเซียส ก่อนเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภูเก็ตพบว่ามีการติดเชื้อในปอดอย่างรุนแรง อาการเหนื่อยมากขึ้น มีอาการแทรกซ้อนภายในไต และเสียชีวิตในวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด ของชาวยะลา 40 คน ที่ผลตรวจเบื้องต้นในพื้นที่พบว่าเป็นบวก ก่อนส่งตัวอย่างมาให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจซ้ำ ยืนยันว่าไม่พบเชื้อทั้ง 40 คน
ส่วนกระบวนการช่วยเหลือคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ วันนี้ มี 3 เที่ยวบิน คือ เมียนมา เยอรมนี และปากีสถาน ส่วนในพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) จะมีเที่ยวบินจากเกาหลีใต้และแอฟริกา
ขณะเดียวกันพบว่ายังมีผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ฐานชุมนุมมั่วสุม 6 ราย รวมเป็น 104 ราย ออกนอกเคหสถาน เพิ่มขึ้น 32 ราย รวมเป็น 699 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ของการชุมนุมมั่วสุมยังคงเป็นการดื่มสุรา ยิ่งอนุญาตขายสุราได้ยิ่งทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่การตรวจสอบสถานประกอบการที่อนุญาตให้เปิดตามมาตรการผ่อนปรน จำนวน 12,996 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข 12,547 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 449 แห่ง โดยในส่วนของร้านอาหารถูกตรวจ 4,559 แห่ง ไม่ปฏิบัติเพียง 153 แห่งเท่านั้น แต่ในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้า พบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับร้านค้าปลีก
ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยขณะวิ่งในสวนสาธารณะนั้น นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงว่า การเปิดสวนสาธารณะเพื่อให้คนไทยได้พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายในพื้นที่โล่ง แต่สิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการเดินและใส่หน้ากากอนามัย ไม่แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยขณะวิ่ง แต่ถ้าต้องการวิ่งต้องเป็นหน้ากากที่ไม่ปิดทึบ
พร้อมกันนี้ โฆษก ศบค. ยังฝากถึงประชาชนเนื่องในวันวิสาขบูชา ขอให้ประชาชนคนไทยเวียนเทียนที่บ้าน ช่วยกันอธิษฐาน ทำจิตภาวนาให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน