นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากรายงานเรื่องราคาไข่ไก่ของกรมปศุสัตว์ ล่าสุดสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ประกาศราคารับซื้อไข่คละหน้าฟาร์มเป็นฟองละ 2.60 สตางค์ ปรับขึ้นจากช่วงก่อนสงกรานต์ 10 สตางค์ อีกทั้งกลางเดือน พ.ค. นี้จะเปิดภาคเรียนการบริโภคไข่ไก่จะมากขึ้น จึงมีแนวโน้มราคาจะขยับสูงขึ้นอีก
ทั้งนี้ เป็นผลจากการดำเนินการตามนโยบายตลาดนำการผลิต ปรับลดอัตราการเลี้ยงไก่ไข่สอดคล้องกับความต้องการบริโภค ทำให้ขณะนี้ปริมาณปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ (GP) ที่อยู่ในระยะให้ผลผลิตมี 3,466 ตัว พ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (PS) มี 457,879 ตัว และไก่ไข่ยืนกรง (Layer) 46,511,815 ตัว มีผลผลิตไข่ไก่ประมาณวันละ 38 ล้านฟอง ซึ่งเป็นวิธีดำเนินการที่ไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐแต่อย่างใด
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณแม่ไก่ยืนกรงที่คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) กำหนดนั้นต้องไม่เกิน 50 ล้านตัว ผลผลิตไข่ไก่ไม่เกินวันละ 40 ล้านฟอง ขณะนี้กรมปศุสัตว์เร่งรัดการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ไก่ไข่เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาไข่อย่างยั่งยืน
โดยวานนี้ (29 เม.ย.) ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจและวันนี้ (30 เม.ย.) จะเปิดรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงทุกระดับ รวมถึงสหกรณ์และสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อนำมาประกอบการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ให้สมบูรณ์ เมื่อกรมปศุสัตว์จัดทำเสร็จจะนำเสนอ Egg Board และหาก Egg Board เห็นชอบ กระทรวงเกษตรฯ จะพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีผลในการปฏิบัติต่อไป
ด้าน นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ราคาที่ปรับขึ้นล่าสุดนี้เป็นราคาที่เกษตรกรคุ้มทุนและพึงพอใจ ในระยะนี้อากาศร้อนทำให้ไก่ออกไข่น้อยและไข่ฟองเล็กจนไข่ไก่ขนาดใหญ่คือ เบอร์ 0 และเบอร์ 1 ขาดตลาด แต่ปริมาณไข่ไก่เบอร์ 2 และ 3 มีเพียงพอ สำหรับแนวทางการรักษาสมดุลการเลี้ยงให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคนั้น กรมปศุสัตว์ได้กำกับดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐมนตรีเกษตรฯ ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน