เจ้าหน้าที่ของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า จุดยืนของยูเครนในการเจรจากับรัสเซียกำลังมีท่าทีที่ลดลง ท่ามกลางหมู่พันธมิตรที่เริ่มกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามที่ยืดเยื้อ
โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กำหนดเงื่อนไขการเจรจาเดียวกับทางรัสเซียว่า รัสเซียจะต้องถอนกำลังของตนออกจากทุกพื้นที่ของยูเครน ซึ่งหมายรวมถึงพื้นที่ไครเมีย ที่รัสเซียครอบครองอยู่ในเชิงพฤตินัยนับตั้งแต่ปี 2557 อีกทั้งชาวรัสเซียทุกคนที่ก่ออาชญากรรมในยูเครน จะต้องถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีทั้งหมด
เซเลนสกียังประกาศท่าทีที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้นว่า ตนจะไม่เจรจากับผู้นำของรัสเซียในปัจจุบัน โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เซเลนสกีลงนามในกฤษฎีกาที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ยูเครนจะเจรจากับประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ขึ้นมาแทนที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคนปัจจุบันเท่านั้น
จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 1.89 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7 แสนล้านบาท) และสหรัฐฯ ยืนยันว่าตนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือมากกว่านี้ โดยกล่าวว่าตนจะสนับสนุนยูเครนตราบเท่าที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกกับสำนักข่าวว่า พันธมิตรในส่วนต่างๆ ของยุโรป แอฟริกา และละตินอเมริกา เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดของสงคราม ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและอาหาร ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน “ความเหนื่อยล้าของยูเครนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงสำหรับพันธมิตรของเราบางคน” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งกล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ขอให้ยูเครนส่งสัญญาณที่ดูเปิดกว้างเพื่อการเจรจา ที่จะไม่ได้ผลักให้ยูเครนเข้าไปนั่งที่โต๊ะเจรจาในทันทีทันใด แต่เพื่อรักษาการสนับสนุนของพันธมิตรที่เกี่ยวข้องเอาไว้ ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายยูเครนมองว่าคำขอของสหรัฐฯ เป็นการปฏิเสธการใช้คำพูดวาทศิลป์ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการปราชัยทางทหารของรัสเซียอย่างเด็ดขาดในยูเครน เพื่อรักษาความมั่นคงของยูเครนเองในระยะยาว จากการรุนรานของรัสเซียในอนาคต
นอกจากนี้ ความตายและความสูญเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นในยูเครน ยิ่งสร้างบาดแผลและความแค้นให้กับประชาชนยูเครน และซ้ำเติมการปิดตายประตูเจรจากับทางรัสเซีย รวมถึงชัยชนะในหลายสมรภูมิของยูเครน จากการรุกคืนพื้นที่ของตนจำนวนมากได้คืนมาจากรัสเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่คาร์คีฟทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนพื้นที่เคอร์ซอนทางตอนใต้ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากเงื่อนไขไม่เอื้อให้เกิดการเจรจาขึ้น ทางการสหรัฐฯ ไม่น่าจะให้คำแนะนำกับทางยูเครนในการเปิดทางการเจรจากับรัสเซีย
ในช่วงเดือนแรกของสงคราม ยูเครนและรัสเซียจัดการเจรจาโดยที่ยูเครนสัญญาว่า ตนจะยังคงเป็นกลางเพื่อแลกกับการคืนดินแดนของตน แต่รัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนยอมรับอาณาเขต ที่ผนวกเข้าเป็นของรัสเซียจากยูเครน และ “การทำให้ปลอดทหาร” และ “การถอนระบอบนาซี” ออกจากยูเครน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างจริงจัง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 พ.ย.) เซเลนสกีย้ำจุดยืนของตน โดยประธานาธิบดียูเครนเรียกความเต็มใจของรัสเซีย ที่จะปล่อยให้ทหารรัสเซียจำนวนมากเสียชีวิตในสงครามว่าเป็น “ความดื้อรั้นบ้าๆ บอ ๆ” พร้อมระบุว่าการแสดงท่าทีพร้อมเจรจาของรัสเซียเป็น “เรื่องเท็จ”
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนจุดยืนปัจจุบันของยูเครน พร้อมย้ำว่ารัสเซียเป็นฝ่ายยกระดับสถานการณ์สงครามให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนว่ารัสเซียไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดการเจรจากับทางยูเครน เพื่อยุติสงครามที่กินเวลามายาวนานกว่า 8 เดือนแล้ว
ที่มา: