นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการเบิกจ่ายเงินบริจาคช่วยโควิด-19 ของ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ได้มีปัญหาที่ต้องแก้ไขระเบียบเบิกจ่ายแต่เป็นการแก้ไขในเรื่องอื่น ส่วนการประชุมวันนี้ไม่ได้พิจารณาขยายพ.ร.ก.หรือผ่อนปรนมาตรการ แต่เป็นการรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อผู้เสียชีวิตและการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ที่แต่ละกระทรวงได้ดำเนินการ ซึ่งการจะผ่อนปรนหรือยกเลิกจะต้องเป็นไปตามองค์การอนามัยโลก เพื่อเป็นข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ ซึ่งถ้าจะขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. ก่อน 30 เมษายน นี้ แต่ถ้าหากเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศก่อน แล้วประชุม ครม.ทีหลังได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เรื่องความมั่นคงหรือก่อการร้าย
ส่วนข้อประกาศต่างๆ ทั้งเรื่องการห้ามจำหน่ายสุราในเวลาเคอร์ฟิว เป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดจะกำหนด แต่ที่ประชุม ศบค. เห็นว่าจากนี้ไปหากจะมีการขยาย พ.ร.ก. หรือประกาศต่างๆ ให้เป็นมาตรการเดียวกันทั่วประเทศ เพราะขณเนี้แต่ละจังหวัด มีมาตราการไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดปัญหาเช่น เวลาเคอร์ฟิวรัฐบาลประกาศ 22.00-04.00 น. แต่ กทม. ประกาศ 22.00-05.00 น. เพราะมีการประกาศก่อนรัฐบาลประกาศ
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังมีการพูดถึงปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างหน่วยงานราชการ เช่นกรณี จ่าสิบเอก พีรศักดิ์ จำปา กับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้มอบให้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทย และ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ไปแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายปัญหาเช่น การขนส่งสินค้า ที่มีปัญหาการขนส่งข้ามจังหวัด แต่ไม่ใช่การขนส่งสินค้าตามที่กำหนด เป็นการอ้างโดยมีการนำสินค้าเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะเดินทาง ไม่ใช่การขนส่งสินค้าที่ได้รับการยกเว้น
ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ของหนังสือเชิญมหาเศรษฐี 20 อันดับต้นของประเทศไทยมาร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศว่า อาจเป็นไปได้ที่หนังสือจะออกวันนี้ และเรื่องนี้ไม่ได้พูดคุยกันในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ระดับหัวหน้าศูนย์ฯ เมื่อช่วงเช้าเพราะเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่การดำเนินงานของศูนย์
พร้อมปฏิเสธว่าไม่เคยพูดว่านายกฯ จะทำจดหมายเปิดผนึกถึงมหาศรษฐี 20 รายหรือจะเชิญมากกว่านั้นก็ไม่รู้เพราะเป็นเรื่องของนายกฯ หากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่างจดหมายเสร็จตามขั้นตอนปกติ ก็จะส่งจดหมายให้ตนเองดูก่อนแล้วค่อยส่งกลับไปถึงนายกรัฐมนตรี แต่หากสำนักเลขาฯนายกฯจะไม่ส่งตนเองดูก็ไม่ไช่เรื่องผิดเพราะไม่ใช่คนเซ็นต์และรับจดหมาย