ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงไม่มีอำนาจก้าวล่วงศาล ปมไม่ปล่อยตัวแกนนำถูกจับ ม.112 ย้ำไม่เคยห้ามชุมนุม แต่ถ้ามีเหตุรุนแรงโยนกฎหมายตัดสิน ลั่น ไม่แม้แต่จะกล้าคิดจัดฉากระเบิดไปป์บอม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมือง เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำตามความผิด ม.112 และเริ่มมีการใช้ความรุนแรงมากขึ้น โดยตั้งคำถามกลับว่าหากมาเป็นรัฐบาลหรือเป็นศาลจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่แค่ความผิด ม.112 แต่ต้องนึกถึงคดีความอื่นๆด้วย

เพราะการชุมนุมเรียกร้องแบบนี้ จะทำให้กฏหมายเสียหายไปทั้งกระบวนการ หากกระทำความผิดก็ติองต่อสู้ตามกระบวนการ โดย รัฐบาลจะคุ้มครองสิทธิ์ให้ แต่เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าให้ตัวเองกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ห้ามการชุมนุม แต่เมื่อมีการชุมนุมและเกิดความรุนแรงขึ้น หากศาลเห็นว่ากระทำผิด และจะให้ประกันตัวหรือไม่เป็นเรื่องที่ศาลเป็นผู้พิจารณา ตนไม่มีสิทธิ์ไปก้าวล่วง ย้ำว่า ไม่ได้ใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร เพราะกฎหมายเป็นของประชาชนทุกคนไม่ใช่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะละเว้นกฎหมายได้ 

"ประกันไม่ประกันก็เป็นเรื่องของศาล ผมไม่มีอำนาจไปก้าวล่วง ผมไม่ได้ต้องการจะใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร กฎหมายเป็นของทุกคน ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะละเว้นกฎหมายได้" นายกฯ กล่าว


ยันรัฐบาลปัดจัดฉากใส่ร้ายม็อบ

ส่วนการจับกุมผู้ก่อเหตุครอบครองระเบิดไปป์บอม 18 ลูก ที่แยกราชประสงค์ หลังมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจัดฉากของรัฐบาลหรือไม่นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ตนเองไม่เคยมีนโยบายให้ทำแบบนั้น และคงไม่กล้าทำ ซึ่งรัฐบาลทำไม่ได้อยู่แล้ว การจับกุมทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งการที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้เป็นเรื่องที่น่ายินดี ไม่ควรมีการตั้งคำถามว่าเชื่อมโยงขออย่าสร้างความเข้าใจผิดๆ


แอมเนสตี้บี้ทางการไทย ยกเลิกเอาผิดผู้ชุมนุม

ด้าน ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งที่ทางการไทยดำเนินคดีต่อแกนนำและผู้เข้าร่วมการชุมนุมจำนวนมากอย่างเป็นระบบ ซึ่งในบางคดี หากมีการพิจารณาว่ามีความผิดจะมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี ซึ่งเป็นการลงโทษที่รุนแรงและไม่ได้สัดส่วน อีกทั้งยังมีระยะเวลาการดำเนินคดีที่ยาวนาน การดำเนินคดีต่อกับผู้เห็นต่างหรือผู้วิจารณ์การทำงานรัฐ จึงถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อปิดปากและตอบโต้บุคคลที่กล้าท้าทายอำนาจรัฐ

“การดำเนินคดีจำนวนมากและการไม่ให้ประกันตัว สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมกลายเป็นเครื่องมือในการโจมตีสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ ประชาชนย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะออกมาแสดงความเห็นและมีส่วนร่วมต่อประเด็นทางสังคม


“ทางการไทยต้องยุติการปฏิบัติต่อผู้ออกมาวิจารณ์ราวกับเป็นอาชญากรหรือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐ พวกเขาควรได้รับการปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาโดยทันทีหากขาดหลักฐานว่ากระทำความผิดอาญาตามหลักสากล”

อ่านเพิ่มเติม