สถานการณ์เศรษฐกิจของจีนยังคงเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ตัวเลขการส่งออกประจำเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตกลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นการตกต่ำมากที่สุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน ที่ยอดตกลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.3
ตัวเลขดังกล่าวผิดไปจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายแห่ง โดยนักวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์สมองการส่งออกเดือนสิงหาคมของจีนที่บวกร้อยละ 2 หลังจากที่ยอดการส่งออกเติบโตได้ดีในเดือนกรกฏาคม ที่ร้อยละ 3.3
ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจนำเข้าของจีนก็ตกต่ำติดกันเป็นเดือนที่ 4 ต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเมษายนที่ผ่านมา โดยตัวเลขการนำเข้าตกลงร้อยละ 5.6 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือว่าตกลงน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่มองไว้ที่ร้อยละ 6
สำหรับรายงานดุลการค้าของจีน ณ เดือนสิงหาคมอยู่ที่ เกินดุล 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.04 ล้านล้านบาท น้อยกว่ามูลค่าการเกินดุลในเดือนกรกฏาคมที่อยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.37 ล้านล้านบาท
ความกดดันต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีนมาจากผลพวงของสงครามการค้าโดยตรง ยิ่งรัฐบาลสหรัฐฯออกมาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีกร้อยละ 15 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมา ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดกับให้กับเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ ความพยายามในการเจรจาหาทางออกของทั้งสหรัฐฯและจีนในเดือนตุลาคมยังถูกเลื่อนออกไปอีก
'ลอร์รี คัดโลว' ที่ปรึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องการผลลัพธ์ "ในระยะใกล้นี้" จากการพูดคุยในเดือนกันยายนและตุลาคม แต่ยังเตือนว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกเป็นปีในการหาทางออก
ด้านตัวเลขดุลการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ จีนเกินดุลการค้าสหรัฐฯมูลค่า 2.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8.2 แสนล้านบาท ซึ่งน้อยลงกว่าในเดือนกรกฏาคมที่อยู่ที่ 2.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8.5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตัวเลขรวมในรอบ 8 เดือนของปี 2562 ยังคงทะลุ 1.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 59 ล้านล้านบาท สะท้อนการเกินดุลการค้าของจีนต่อสหรัฐฯในมูลค่ามหาศาลอยู่ดี