เมื่อ 'ทุย ลี' ประธานวินฟาสต์ แบรนด์รถยนต์สัญชาติเวียดนาม ถูกถามด้วยคำถามสำคัญว่า "ทำไมเวียดนามต้องมีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเอง" ในงาน 'บลูมเบิร์กอาเซียนซัมมิท' ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทยเมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เธอตอบกลับสั้นๆว่า 'สินค้าของเรามีทั้งคุณภาพที่ดีและราคาที่จับต้องได้'
ทุยบอกว่า วินฟาสต์ อยู่ภายใต้บริษัทแม่อย่าง 'วินกรุ๊ป' บริษัทยักษ์ใหญ่ในเวียดนามที่ลงทุนในหลายธุรกิจ ทั้งค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม สมาร์ตโฟน รวมทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งบริษัทเคยถูกตั้งคำถามทำนองเดียวกันนี้เมื่อ 10 ปีก่อน เมื่อตัดสินใจจะเข้าสนามการแข่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการทำสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างแท้จริง สามารถทำให้อยู่รอดและเติบโตได้
บริษัทรถยนต์ไม่ได้มีแค่รถยนต์
ในงานสัมมนาครั้งนี้ ทุยพูดถึงหลายมิติของการพัฒนาแบรนด์รถยนต์สัญชาติเวียดนามในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยวินฟาสต์ใช้เวลาเพียง 2 ปีกว่าเท่านั้น ก็สามารถผลิตและเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกออกสู่ตลาดได้ รวมทั้งยังพูดถึงแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ช่วงต้นปี 2563
อย่างไรก็ตาม ทุย กล่าวอย่างชัดเจนว่า เวียดนามไม่ได้ต้องการแค่ปั้นแบรนด์รถยนต์ เพราะแท้จริงแล้วอุปสงค์ (ความต้องการซื้อ) ยังไม่มากเท่าไหร่นัก หากมาเทียบกับไทยที่มากกว่าเกือบ 10 เท่า แต่ความสามารถในการพัฒนารถยนต์ที่บริษัทมีจะสามารถผลักดันให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของโลกได้
"บริษัทรถยนต์ไม่ได้มีแค่รถยนต์ มันมีทั้งสายการผลิต จำนวนงานที่สร้าง และเทคโนโลยีที่มาพร้อมกัน" ทุย กล่าว
ให้โอกาสพัฒนาคน
ทุย ยอมรับว่า ชิ้นส่วนการผลิตหลายๆ อย่างยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทคำนึงถึงมาตรฐานและความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมยอมรับว่า ศักยภาพของแรงงานเวียดนามยังมีไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่วินฟาสต์ทำ คือการส่งพนักงานจำนวนมากเข้าไปฝึกอบรมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในเวียดนามเพื่อพัฒนาทักษะแรงงานทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ
นอกจากนี้ วินกรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายแห่งในเวียดนาม ก็จัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองความต้องการของวินฟาสต์เช่นเดียวกัน
นอกจากการพัฒนาทักษะของพนักงานแล้ว บริษัทยังมีเงินทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวเวียดนาม ให้ไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ โดยเงินทุนตรงนี้เป็นทุนให้เปล่าที่ไม่ได้บังคับให้ผู้รับทุนต้องกลับมาทำงานกับวินฟาสต์
ทุยกล่าวว่าความพยายามในการลงทุนกับทรัพยกรมนุษย์ทั้งหมดของบริษัทได้รับความช่วยเหลือจากฝั่งรัฐบาลเป็นอย่างดี เพราะรัฐบาลเวียดนามมองว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนามให้ไปถึงระดับโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: