ไม่พบผลการค้นหา
‘รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี’ เผยเศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่ำ จำเป็นต้องเร่งกระตุ้นให้พ้นโคม่า ชี้ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท’ ความหวังพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เป็นจริง

ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกรณีที่มีกลุ่มบุคคลเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทโดยอ้างการคาดการณ์เศรษฐกิจประเทศกําลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว รัฐบาลจึงไม่เป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินจํานวนมากเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศว่า อาจจะเป็นความมุ่งหวังทางการบริหารที่ต่ำไปหน่อย เพราะหากเปรียบเทียบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกับประเทศในกลุ่มอาเซียน จะเห็นว่าไทยยังมีอัตราการเติบโตหรือฟื้นตัวที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่มาก เป้าหมายของรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่มุ่งหวังจะสร้างการเติบโตเฉลี่ยตลอด 4 ปี ที่ 5% นั้นจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายและเป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เป็นจริง

ชนินทร์ กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นการเติมกำลังซื้อครั้งใหญ่ให้ประเทศ กระจายอยู่ในทุกชุมชน จำนวนเงิน 10,000 บาทต่อคนนี้จึงไม่ใช่แค่ช่วยเหลือบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชนเดินต่อได้ แต่มากพอที่จะดึงดูดการลงทุน เปิดธุรกิจใหม่ๆ มารองรับกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้น และหมุนวนรอบต่อไปเรื่อยๆ เพราะเงินจำนวนนี้จะหมุนเวียนต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจของไทย

รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของความกังวลเรื่องที่มาของเงิน และมาตรการในการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่อาจไม้รัดกุม ทางรัฐบาลได้ตัดสินใจตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตที่ประสานความเห็นและมุมมองที่รอบด้านจากภาคส่วนต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ และอีกหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มาเป็นกรรมการในการร่วมตัดสินใจในการดำเนินนโยบาย จึงทำให้มั่นใจได้ว่า การตัดสินใจใดๆ จะเป็นไปด้วยความรัดกุม โปร่งใสและรักษาผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนมากที่สุด

“รัฐบาลมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอย่างรวดเร็ว เป็นการปั้มหัวใจเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน เพื่อปลุกกำลังซื้อให้ฟื้นตัว ช่วยให้เศรษฐกิจประเทศพ้นจากโคม่า จากนั้นรัฐบาลก็จะมีนโยบายอื่นๆ เข้ามาเสริมเพื่อให้ประชาชนสามารถสร้างรายได้ เศรษฐกิจหมุมเวียน ซึ่งจะเป็นการฟื้นประเทศไทยให้มีความสามารถในแข่งขัน โดยยึดกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างรัดกุม” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ