รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 19มีนาคม 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand มองยังนักข่าวยังต้องทำข่าวพฤติกรรมเสื่อมๆของ ส.ส. อย่าง “สิระ” หลังโพสต์เฟซบุ๊กขู่ และป่วนใน กมธ.ปราบโกง ทั้งที่ไปดูมวยเสี่ยงติดโควิด-19 ควรต้องกักตัวเอง 14 วัน แต่มาไล่บี้ จี้ กมธ.ให้เลิกประชุม “คำผกา” ชี้ “สิระ” คงนึกว่าตัวเองเป็นอาวุธชีวภาพ แต่ #ทีมป๊า ไม่ทนแจ้งความเอาผิดฐานพยายามฆ่า
นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก เข้าประชุม กมธ.การทหาร เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่รัฐสภา ในฐานะที่เป็นหมอวิเคราะห์ว่า ในระหว่างประชุม กมธ. อาจยังไม่ติดเชื้อ เพราะไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศในรอบ 1 ปี ไม่ได้เดินทางไปสถานที่เสี่ยง มีเพียงกรณีไปสนามมวยในวันที่ 6 มี.ค. จากนั้นจึงตรวจพบเชื้อ
ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.จนถึงตอนนี้ครบกำหนดการฟักตัว 14 วันแล้ว แต่ยังไม่พบบุคคลที่ร่วมประชุม กมธ. ติดเชื้อโควิด-19 จึงอยากให้ ส.ส. และเจ้าหน้าที่เลิกวิตกกังวล และสบายใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ สภาฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมยกระดับการควบคุมให้เข้มข้นขึ้น
โดยวันที่ 20 มี.ค. 63 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเรียกประชุมประธานกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะ เพื่อวางมาตรการควบคุมโควิด-19 ในรัฐสภา
และถ่ายทอดไปยังส.ส.ทุกคนให้ใช้มาตรฐานเดียวกันอย่างเข้มงวด ส่วนจะมีข้อเสนอให้มีการยกเลิกการประชุมหรือไม่นั้น ต้องรอพรุ่งนี้ เบื้องต้นนายชวนยังไม่ได้สั่งห้าม
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้ยังไม่งดประชุม นพ.สุกิจกล่าวว่า เราต้องให้เกียรติกัน ให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมาธิการฯนั้นๆ หากไปสั่งให้งดเลยก็จะเกิดผลเสียได้ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะแล้ว ส่วนผู้ที่มาร่วมประชุมก็ต้องมีวิธีการป้องกันตัวเองเช่นกัน สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันจะจัดประชุม กมธ.อย่างต่อเนื่องนั้น นพ.สุกิจกล่าวว่า ท่านก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ ก็ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและดุลพินิจของท่านเอง เพราะเชื่อว่าบางเรื่องมีความสำคัญและไม่สามารถเลื่อนการประชุมได้ โดย ประธานกมธ. ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อบุคคลที่เชิญมาชี้แจงในที่ประชุมด้วย และต้องตรวจเข้มงวดให้มาก
ด้านนายสุรชาติ เทียนทอง อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ พรรคเพื่อไทย โพสต์แสดงความคิดเห็น หลังนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. เขตหลักสี่ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 และเข้ารับการตรวจ แต่ยังไม่ได้รับผลตรวจยืนยัน และเข้าร่วมประชุมกับ กมธ.ปปช. และระบุว่า จะไปนั่งข้าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดย นายสุรชาติ ระบุข้อความมีใจความว่า เนื่องด้วยขณะนี้สังคมกำลังอยู่ในความตระหนกและความสับสนจากวิกฤตต่างๆ สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือข้อมูลที่เที่ยงตรงและข่าวสารที่เป็นประโยขน์ แต่พื้นที่สื่อฯกลับต้องเสียไปให้กับการนำเสนอเรื่องราวและพฤติกรรมที่สร้างความสับสนให้กับสังคมของคนที่อยากดังแบบไม่รู้เวลา ไม่รู้จักกาลเทศะ ขาดวุฒิภาวะทางสังคมและที่สำคัญขาดความเป็นผู้นำในยามวิกฤต
ผมขอวิงวอนให้พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านช่วยกันรักษามาตรฐานของสังคมนี้ไว้ด้วยการ “งดนำเสนอข่าว” ของบุคคลประเภทดังกล่าวในทุกกรณีและทุกช่องทางเพื่อเอาพื้นที่สื่อฯซึ่งเป็นพื้นที่แห่งความหวังในยามวิกฤตคืนให้ประชาชนครับ#แบนพวกไม่รู้จักกาลเทศะ #ช่วยกันรักษามาตรฐานของสังคม #คืนพื้นที่สื่อให้ประชาชน
ขณะที่ นายโอภาส อาลมิสรี ผู้ช่วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ลงบันทึกประจำวัน ที่สถานีตำรวจบางโพ กรณีที่นายสิระ ร่วมประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ โดยก่อนหน้านั้น นายสิระ ระบุผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดไวรัส อยู่ในระหว่างรอผล พร้อมประกาศจะนั่งติดกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
การที่นายสิระ เป็นกลุ่มเสี่ยง และปราศจากการกักตัว 14 วัน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขนั้น ทำให้ตัวนายโอภาสเป็นกังวลว่า จะติดไวรัส เพราะที่บ้านมีเด็กเล็ก และหาก นายสิระ ตรวจซ้ำ แล้วเกิดพบเชื้อโควิด-19 จะแจ้งความนายสิระ พยายามฆ่า แต่วันนี้มาลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐานก่อน