อูเบอร์ ยอมเสียตลาดใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการควบรวมกิจการกับแกร็บ พร้อมเข้าถือหุ้นบางส่วนทำให้แกร็บกลายเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 ในด้าน ride-sharing ของภูมิภาค
แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่าขณะนี้ บริษัทอูเบอร์ ผู้ให้บริการเรียกรถรับส่งรายใหญ่จากได้ตกลงทำสัญญาการขายกิจการอูเบอร์ให้กับบริษัทคู่แข่งรายใหญ่จากสิงคโปร์อย่างบริษัทแกร็บเรียบร้อยแล้ว ซึ่งน่าจะมีการแถลงข่าวถึงการปิดดีลซื้อขายครั้งใหญ่ภายในวันนี้ที่ประเทศสิงคโปร์
โดยการขายกิจการดังกล่าวครอบคลุมทั้งบริการเรียกรถรับส่งผ่านแอปพลิเคชันอูเบอร์และบริการส่งอาหารอย่าง Uber Eats ทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ซึ่งทางบริษัทอูเบอร์จะยอมขอเข้าไปถือหุ้นส่วนระหว่าง 25 - 30% แทนหลังจากนี้ โดยไทยเป็นประเทศที่ 7 ที่อูเบอร์ให้บริการนี้ในพื้นที่เอเชียแปซิฟิกที่ประกอบด้วยมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เมียนมา, ไต้หวัน, กัมพูชา และสิงคโปร์
นี่เป็นอีกหนึ่งครั้งที่อูเบอร์ต้องยอมพ่ายแพ้ต่อแอปพลิเคชันยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่น โดยก่อนหน้านี้บริษัท ตีตี ชูสิง ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคมนาคมผ่านระบบมือถือแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็ได้ประกาศข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ โดยได้เข้าซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของ อูเบอร์ไชน่า ซึ่งรวมถึงแบรนด์ การดำเนินธุรกิจ และข้อมูลภายในทั้งหมดของอูเบอร์ในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาโดยเข้าไปถือครองหุ้นส่วน 17.5% แทน
นั่นหมายความว่าอูเบอร์ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดอยู่ใน ตีตี ชูสิง โดยมีผู้ถือหุ้นอื่น อย่างApple, Alibaba, Tencent ส่วน Baidu ก็จะถือหุ้นทางอ้อมผ่าน UberChina ด้วย ส่วน Didi เองได้ลงทุนเพิ่มราว 1,000 ล้านดอลลาร์ใน Uber
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการควบรวมกิจการด้านไอทีรายใหญ่ เพราะ Yahoo เคขยายกิจการในจีนให้กับ Alibaba เมื่อปี 2005 โดยแลกกับการที่ยาฮูได้ลงทุนใน Alibaba ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มมาก
หลังจากการขายอูเบอร์ให้จีนได้ไม่นาน Uber ประกาศถอยทัพในรัสเซียและประเทศใกล้เคียง โดยจะนำธุรกิจเรียกรถยนต์ในรัสเซียไปควบกิจการกับบริการเรียกรถ Yandex.Taxi ของ Yandex ยักษ์ใหญ่ของวงการไอทีรัสเซีย โดยYandex ถือหุ้น 59.3% ในบริษัทใหม่ที่ควบรวมกันแล้ว ส่วน Uber จะถือหุ้น 36.6% แลกกับการอัดเงินเข้าไปอีก 225 ล้านดอลลาร์ บริษัทใหม่มีลูกค้านับเป็นการเรียกรถ 35 ล้านครั้งต่อเดือน มีมูลค่าบริษัทที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์ ประเทศที่มีผลคือรัสเซีย คาซัคสถาน อาเซอร์ไบจาน อาร์เมเนีย เบลารุส จอร์เจีย
การขายกิจการครั้งล่าสุดให้กับแกร็บ มีบริษัท SoftBank เป็นผู้อยู่เบื้องหลังใจการผลักดันให้ดีลครั้งนี้เกิดขึ้น เพื่อสร้างผลประโยชน์ทางมูลค่าการตลาดให้กับทั้งอูเบอร์และแกร็บให้ได้มากที่สุด โดย SoftBank เป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น เริ่มกลายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในสตาร์ตอัพจำนวนมาก จะเน้นเทคโนโยลีด้าน AI, รถยนต์ไร้คนขับ, โลกเสมือนจริง Virtual/Augmented Reality และ Internet of Things (IoT)