กลุ่มต้านโวยหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้า 195 ยก 'บิ๊กตู่' ปราบโกง-ปฏิรูปการเมือง บิดเบือนข้อมูล
กลุ่มต้านโวย หนังสือประวัติศาสต์ชาติไทย ที่จัดทำโดยกรมศิลปากร กำลังถูกวิจารณ์จากกลุ่มต่อต้านรัฐบาล คสช. เพราะในหน้า 195 มีเนื้อหาระบุเอาไว้ว่า
...ในที่สุดวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๗ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยึดอำนาจ และแต่งตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง และใช้หลักคุณธรรม เพื่อนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง...
ที่มา : ประวัติศาสตร์ชาติไทย Page 195
ในเพจกลุ่มประวัติศาสตร์หลังเที่ยงคืน #เกียนนะออจ้าวๆ พากัน วิจารณ์ว่าเป็นการบิดเบือนตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ตาย
ด้านกรมศิลปากรระบุว่า หนังสือเล่มนี้ มีจุดมุ่งหมายให้ผู้อ่านมีความเข้าใจถึงความเป็นมาของคนที่อยู่ในผืนแผ่นดินที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพราะชีวิตในอดีตไม่มีพรมแดน การกำหนดเส้นเขตแดนของประเทศเกิดขึ้นในตอนต้นสมัยรัตนโกสินทร์นี้เอง เป็นผลที่เกิดจากการขยายตัวของจักรวรรดินิยมตะวันตก การที่จะเข้าใจปัจจุบันว่าสังคมไทยเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ก็ควรดูย้อนหลังไปในอดีตว่ามีพัฒนาการมาอย่างไร ขอบเขตของหนังสือเล่มนี้กำหนดเป็นช่วงเวลาตามความคุ้นเคยของคนไทยที่ได้รับรู้มาจากแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ กล่าวคือ แบ่งเป็นสมัยก่อนสุโขทัย สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ซึ่งจะเรียบเรียงมาจนถึงเหตุการณ์ร่วมสมัยในปัจจุบัน โดยมอบหมายให้นักวิชาการของกรมศิลปากรแบ่งกันไปเรียบเรียงตามช่วงสมัย
ฉะนั้นเมื่อพลิกดูหน้าก่อนๆ ได้พูดถึงรัฐบาลหลายรัฐบาล และอดีตนายกฯหลายคนก็ยังไม่ตาย โดยเฉพาะรัฐบาลทักษิณที่หนังสือเล่มนี้ระบุว่า บริหารขาดความชอบธรรม เช่นการทุจริตการเลือกตั้ง การรวบอำนาจเข้าสู่นายกรัฐมนตรี การฉ้อราษฎร์บังหลวงและผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้นโยบายประชานิยม เป็นต้น และยังพูดถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า ใช้นโยบายประชานิยมเช่นเดิม ถูกกล่าวว่าหาทุจริตคอร์รัปชั่น เสนอออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ทักษิณพ้นผิด เป็นต้น
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ออกแถลงการณ์ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องหยุดเผยแพร่และทำลายหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยที่บิดเบือนความจริง ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้มอบให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายของหนังสือเพื่อตอบสนองเชิงนโยบายของรัฐบาล ให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย แต่ข้อเท็จจริงตามที่ได้ปรากฎในโลกโซเชียลขัดแย้งกันในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์กับทางวิชาการ มีข้อมูลที่ผู้ไม่ประสงค์ปรองดองใช้โจมตี มีการกล่าวถึงการกำเนิดรัฐไทยที่มีข้อมูลไม่ตรงกัน
“ขณะที่เนื้อหาในเรื่องการเมือง ตอนหนึ่งระบุถึงการดำเนินนโยบายแบบประชานิยม และนายทักษิณ ชินวัตร มีปัญหาทุจริตเลือกตั้ง รวมถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำเนินนโยบายเน้นโปร่งใส แต่ใช้นโยบายประชานิยม แต่กลับพูดถึงการเข้ามาของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าทำการรัฐประหารเพื่อขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง ความว่า … “..พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง และใช้หลักคุณธรรม เพื่อนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง…”
เนื้อหาดังกล่าวเป็นความเท็จที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่ไม่อาจยอมให้โกหกกันได้อีกต่อไป เพราะการปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมือง ในขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อของ คสช.เท่านั้น การเขียนรัฐธรรมนูญก็ถอยหลังลงเหวไปไกลมาก มีการซ่อนเร้นเนื้อหาเพื่อปูทางให้มีการสืบทอดอำนาจ
'นอกจากนั้นเนื้อหาสาระของหนังสือไม่ได้รับผิดชอบกับความเสียหายของประเทศจากการกระทำของ คสช. ในมาตรา 279 จึงไม่สามารถสะท้อนให้เห็นบริบทใดว่าคือประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ และมีปรากฏการณ์ของการทุจริตคอรัปชั่นกันอย่างกว้างขวาง ทั้งการโกงเงินคนจน โกงเงินเพื่อการศึกษา โกงวัคซีนสุนัข โกงตู้น้ำดื่มพลังแสงอาทิตย์ ฯลฯ รวมทั้งทำให้องค์การอิสระอ่อนแอ ไม่มีประสิทธิผลในการตรวจสอบ โดยเฉพาะแหวนเพชรแทงตา นาฬิกาหรู' นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวย้ำว่า 'การบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยการใช้อำนาจเขียนประวัติศาสตร์ที่ไม่ตรงกับความจริง จะเป็นสิ่งชำรุดในทางประวัติศาสตร์ที่อาจถูกลูกหลานในอนาคตนำไปวิพากษ์เยอะเย้ยถากถางผู้มีอำนาจในยุคนี้ แม้ตามหลักการแล้ว ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ แต่การเขียนก็ควรเคารพต่อความจริงร่วมกันด้วย สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีกู้ภาพลักษณ์ของตนเองกลับมาด้วยการสั่งให้ยุติการเผยแพร่และให้ทำลายหนังสือดังกล่าวที่ทำการแจกไปยังจังหวัดต่างๆจังหวัดละ 100 เล่มเพื่อคงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการเชลียร์ใดๆทั้งสิ้นในยุคไทยแลนด์ 4.0'