เฟซบุ๊กเปิดเผยข้อมูลว่า ได้ปิดบัญชีปลอมไป 583 ล้านบัญชีในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ โดยให้เหตุผลว่าเฟซบุ๊กเหล่านั้นละเมิดข้อกำหนดเกี่ยวกับภาพรุนแรงและส่อไปทางเพศ
หลังเกิดกรณีเคมบริดจ์อนาลิติกาที่ทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลไปกว่า 87 ล้านคน เฟซบุ๊กได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้อีกครั้ง ล่าสุด โซเชียลมีเดียดังเผยว่า ได้ปิดบัญชีผู้ใช้ปลอมไปแล้ว 583 ล้านบัญชี นับจากเดือนมกราคมถึงมีนาคมที่ผ่านมา
เฟซบุ๊กเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้สร้างโปรไฟล์ปลอมมากถึง 3 - 4 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนบัญชีทั้งหมดที่มีการใช้งาน และมีความพยายามสร้างบัญชีปลอมขึ้นหลายล้านครั้งต่อวัน โดยในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ บริษัทได้ตรวจจับสแปมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และกำจัดโพสต์สแปมไปได้ 837 ล้านโพสต์ ซึ่งเกือบ 30 ล้านโพสต์เป็นภาพความรุนแรง ภาพที่ส่อไปทางเพศ โฆษณาชวนเชื่อเพื่อการก่อการร้าย รวมถึงข้อความที่แสดงความเกลียดชัง หรือ ‘hate speech’
โดยภาพที่ไม่เหมาะสม 85.6 เปอร์เซ็นต์ตรวจพบโดยระบบ AI ของเฟซบุ๊ก ซึ่งระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ตรวจสอบหรือลบภาพนั้นต่อไป ซึ่งข้อมูลระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่าสองพันล้านคนทั่วโลกจะเห็นภาพที่ไม่เหมาะสมราว 22 - 27 ภาพ ในทุก 10,000 โพสต์
สำหรับภาพที่ได้รับการรายงานมากที่สุดคือภาพโป๊ของผู้ใหญ่หรือภาพกิจกรรมทางเพศที่มีมากถึง 21 ล้านโพสต์ ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ต่างจากข้อมูลในเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามรายงานนี้ไม่ได้รวมถึงภาพโป๊ของเด็กและเยาวชน