หลังจากที่นกแอร์ประกาศขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูและปรับโครงสร้างธุรกิจ สื่อต่างประเทศก็รายงานว่าสายการบินสิงคโปร์อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้นกแอร์ แต่ก็ต้องรอดูว่าองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ไอเคโอ จะปลดธงแดงแก่ไทยหรือไม่
นิตยสารฟอร์บส์ สื่อสายเศรษฐกิจระดับโลก เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายพาที สารสิน อดีตซีอีโอของสายการบินนกแอร์ ซึ่งระบุว่าสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์แสดงความสนใจที่จะช่วยเหลือด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านยุทธศาสตร์กับนกแอร์ แต่ยังต้องรอความชัดเจนในระหว่างการประชุมบอร์ดของสายการบินที่จะมีขึ้นภายในเดือนตุลาคมนี้อีกครั้งหนึ่ง
ฟอร์บส์รายงานว่าแม้นายพาทีลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของนกแอร์เมื่อเดือนกันยายน แต่เขายังดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท แต่การที่นกแอร์จะร่วมมือกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ก็เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ แม้ว่าที่ผ่านมา สิงคโปร์แอร์ไลน์จะถูกมองว่าเป็นคู่แข่งหลักของการบินไทย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนกแอร์ แต่ขณะเดียวกันสายการบินของทั้งสองประเทศก็ร่วมมือกันในฐานะพันธมิตรสายการบินสตาร์อัลไลแอนซ์มาตลอด
รายงานของฟอร์บส์ระบุว่าปีที่ผ่านมา นกแอร์ขาดทุนนับพันล้านบาท เป็นผลจากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสายการบินราคาประหยัด ทั้งยังประสบปัญหานักบินไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจและปรับกลยุทธ์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่คณะกรรมการและผู้บริหารของนกแอร์ประกาศว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนแผนการฟื้นฟูสายการบินใหม่ โดยจะมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างการบริหารและปรับกลยุทธ์ทางด้านเศรษฐกิจและการตลาด โดยแผนดังกล่าวนำโดยนายปิยะ ยอดมณี ผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนนายพาทีในปัจจุบัน
แม้ว่านกแอร์จะประสบภาวะขาดทุนเมื่อปีที่ผ่านมา แต่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงนายดีเนช เคสคาร์ รองประธานบริหารบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้งประจำเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคาดการว่าความต้องการเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าตลาดสายการบินจะมีความต้องการเครื่องบินใหม่ประมาณ 4,210 ลำ คิดเป็นเงินกว่า 6 แสน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินจากอัตราการขยายตัวของการจราจรทางอากาศในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นมาประมาณร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยไทย เวียดนาม และกัมพูชา มีแนวโน้มที่จะมีการเติบโตทางด้านนี้มากที่สุด เพราะมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีพอจะรองรับธุรกิจนี้ได้
อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ระบุว่าปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสายการบินในไทยก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือการพยายามยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้ตรงตามเงื่อนไขขององค์การการบินพลเรือน หรือไอเคโอ เพื่อให้ไอเคโอปลดล็อคธงแดงด้านความปลอดภัยที่ไทยได้รับมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2015 เป็นต้นมา