รายการ WakeUp News ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2560
คลังแสงอาวุธโกตี๋ตามที่ฝ่ายความมั่นคงแถลงช่างสุดอลังการ ภายใต้การนำโดย พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ แถลงยุทธการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเตรียมการก่อเหตุความไม่สงบเรียบร้อย 9 จุดในจังหวัดปทุมธานี อ่างทอง หนองคาย สุรินทร์ นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรปราการ รวม 7 จังหวัด
เบื้องต้นพลตำรวจเอกจักรทิพย์ระบุ การสืบสวนสอบสวน พบผู้กระทำผิด โกตี๋เตรียมใช้อาวุธก่อเหตุลอบสังหารบุคคลสำคัญฝ่ายรัฐบาล โดยมีเป้าหมายคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความวุ่นวายทางการเมือง และหากฝ่ายรัฐบาลใช้กำลังเข้าปราบปรามวัดพระธรรมกาย จะใช้กองกำลังพร้อมอาวุธเข้าช่วยเหลือทางวัด
ด้านโกตี๋ หรือ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ เปิดใจให้สัมภาษณ์ในรายการ Thais Voice ระบุ หลังถูกกล่าวหาว่ามีอาวุธสงครามอยู่ในครอบครองจำนวนมากนั้น โกตี๋���ี้ "เป็นการจัดฉากที่ไม่เนียน เป็นการทำงานที่ย่ำอยู่กับรอยเดิมที่เคยทำ เหมือนเหตุการณ์วัดปทุมฯ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ทุกคนดูก็รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีทางเป็นไปได้ รวมทั้งเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง" เชื่อว่าตัวเองเป็นเป้าโจมตี โดนค้น โดนติดตามเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์วุ่นวายเหล่านี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง นับตั้งแต่ใช้ ม.44 ล้อมและค้นวัดพระธรรมกาย จนมาถึงการตามไล่บี้หุ้นชินคอร์ป จนล่าสุดค้นเจอคลังแสงอาวุธของโกตี๋ที่มีอาวุธสงครามจำนวนมหาศาล แถมยังบอกว่ามีการลอบวางสังหารผู้นำประเทศและเตรียมช่วยเหลือวัดพระธรรมกายอีก
โกตี๋ระบุ "ช่วงที่มีการรัฐประหารนั้น ที่สถานีที่เขาทำงานอยู่มีการเผาสถานี ถูกขนของออกไปทั้งข้าวสารและข้าวของบนเวที แม้แต่ขวดน้ำปลาก็ยังไม่เหลือ แถมยังระดมทหารมาค้นแล้วทุกตารางนิ้ว แต่ปัจจุบันกลับบอกว่ามีอาวุธในครอบครอง" ทั้งที่โกตี๋ออกจากประเทศไป 3 ปีแล้ว...ทำไมเพิ่งค้นเจออาวุธ? ทั้งที่บอกการข่าวมีประสิทธิภาพมาก ?
ขณะที่เรื่องการดำเนินงานของศาลไทยในการผดุงความยุติธรรมปัจจุบันนั้น ศาลไทยอาจต้องหาทางบาลานซ์อำนาจระหว่างความมั่นคงและเสรีภาพของประชาชน เพราะศาลให้ความยินยอมต่ออำนาจรัฏฐาธิปัตย์มาโดยตลอด ทำให้อาจตัดสินตีความที่เอนเอียงไปด้านฝ่ายความมั่นคงได้ จนไม่ได้อิงหลักสิทธิ เสรีภาพของประชาชน เรื่องนี้อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุลแนะ หากศาลกลัวอำนาจฝ่ายความมั่นคง ต้องรู้จักใช้ทริคในการตัดสินเพื่อรักษาเสรีภาพประชาชนด้วย
ขณะที่เรื่องไล่บี้ภาษีนั้น สตง. นำโดยผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อาจจะต้องใจเย็นหน่อยช่วงหลังๆนี้ขยันทำผลงาน ไล่บี้ตั้งแต่สรรพากรยันนักการเมือง โดยอ้างว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในการเก็บภาษีการใช้อำนาจขณะนี้ของ ผู้ว่าฯ สตง. อาจทำให้เข้าใจได้ว่าพยายามครอบงำ หรือใช้อำนาจในการจับผิดมากไป จนทำให้สรรพากรขาดความเป็นอิสระในการทำงานได้
การเล่นบทบาทนำอย่างโดดเด่นของผู้ว่าฯ สตง. พิศิษฐ์ ทำให้สังคมตั้งคำถาม จนรู้สึกว่าน่าจะย้ายไปนั่งให้เป็นอธิบดีกรมสรรพากรเสีย จะได้ทำงานได้ตามที่ใจตนต้องการ จะได้ไม่ประกาศกร้าวซ้ำว่าสรรพากรปอดแหก ไม่กล้า อย่างที่กล่าวหาไว้ในงานเสวนาครั้งล่าสุด