รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2563
“ไก่อู” ได้ดีเพราะการยึดอำนาจ ได้นั่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ทำงานเอื้อบางพรรค จนถูกจับไต๋หลายครั้ง แต่เล่นเกมดื้อตาใส ไม่รู้เรื่อง ก็เหมือนตอนแฉ “ผังล้มเจ้า” ผูกโยงคนแทบทุกวงการ รวมทั้ง “ธนาธร” แถมเคยพูดในทำนอง ไม่ขอยุ่งเกี่ยว ปมคนถูกสังคมตราหน้า “ล้มเจ้า” ก็เพราะ “สื่อ” เอาไปขยายความ ขยายผลเอง ...ต้องไปฟ้องเอง
แมนๆ ดีจังเลยครับ (แอดฯ ประชด)...
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ในการประชุม กมธ. วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 64 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะที่ปรึกษา กมธ. ร่วมซักถามและขอคำชี้แจง จากกรมประชาสัมพันธ์ ที่มี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีฯ มาชี้แจงด้วยตัวเอง
โดย พล.ท.สรรเสริญ ยืนยันว่า กรมประชาสัมพันธ์ เป็นกลาง ไม่ได้เป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาลชุดใดชุดหนึ่ง แต่อย่างใด นายธนาธร จึงถามถึงกรณีร้องเรียนเรื่องใช้กรุ๊ปไลน์ผู้บริหารชื่นชมนโยบายของพรรคการเมืองหนึ่ง และโจมตีอีกพรรค ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงกรณีเรื่องผังล้มเจ้าที่เคยให้ข่าวโจมตีอีกกลุ่มการเมืองหนึ่งด้วย
นายธนาธร ยังได้ให้ พล.ท.สรรเสริญ ในฐานะอดีตโฆษก ศอฉ. และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชี้แจงกรณีที่ปรากฏชื่อนายธนาธน อยู่ในผังเครือข่าย ซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า ผังล้มเจ้า ที่ พล.ท.สรรเสริญ เคยนำ มาแถลงข่าวและส่งต่อให้สื่อมวลชน จนสร้างความเข้าใจผิดให้คนเชื่อ และสุดท้าย พล.ท.สรรเสริญ ยอมรับว่า “มโน” ไปเอง ไม่เป็นความจริง อยากให้ช่วยชี้แจงเรื่องนี้
ซึ่ง พล.ท.สรรเสริญชี้แจงว่า ได้ยอมรับต่อศาลว่า “ได้มโน” ไปเองนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้คนที่ฟ้องร้องต่อศาล ตั้งแต่สมัยที่เป็นโฆษก ศอฉ. คือ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ไม่เคยยอมรับต่อศาลเช่นนั้น แต่นายสุธาชัย ได้ถอนฟ้องทั้ง พล.ท.สรรเสริญ และนายอภิสิทธิ์เอง
ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อ 26 เม.ย. 53 พ.อ.สรรเสริญ (ยศในขณะนั้น) ได้แจกจ่ายเอกสารแผนผังล้มเจ้า อ้างการเชื่อมโยงว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นแกนกลาง ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว เพราะผังล้มเจ้า เชื่อมโยงและพาดพิงบุคคลในวงกว้าง ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ เว็บไซต์ รวมไปถึงแกนนำคนเสื้อแดง จนเมื่อ 25 พ.ค. 53 นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ขณะเป็นอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬา ได้นำแผนผัง เป็นหลักฐานฟ้องร้องนายอภิสิทธิ์, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พ.อ.สรรเสริญ ต่อศาลอาญาในข้อหาหมิ่นประมาท โดยศาลได้รับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1529/2553 ต่อมาเมื่อ 22 มี.ค. 54 ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดี โดยนัดพร้อมเพื่อประนอมข้อพิพาท หรือไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่ง พ.อ.สรรเสริญ แถลงต่อศาลว่า “ศอฉ.ในขณะนั้นเชื่อมั่นว่ามีขบวนการจ้องล้มล้างสถาบันฯจริง
“ข้าฯได้รับมอบหมายให้นำเอกสารเหล่านั้นไปแจกแก่สื่อมวลชน ซึ่งเอกสารที่ไปแจกนั้นมิได้หมายความว่า ผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยวข้องในฐานะอยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเอกสาร ว่า แต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้ เป็นต้น ซึ่งมิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น แต่จากนั้น มีสื่อมวลชนนำเรื่องเหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในแผนผัง ทำให้เสียหายจากมุมมองของสังคม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมต้องตัดสิน ส่วนผู้ที่เสียหาย จะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยายความ ในทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของ ศอฉ. ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา”
ผู้จัดการ อ้างว่า เมื่อ นายสุธาชัย ได้รับฟังข้อเท็จจริงจาก พ.อ.สรรเสริญ จึงไม่ติดใจดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสามอีก จึงขอถอนฟ้อง และศาลอนุญาต พร้อมจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า “แผนผังขบวนการล้มเจ้า” ที่แจกจ่ายโดย ศอฉ.ในปี 2553 นั้นเป็นหนึ่งในหลักฐานที่สำคัญที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอใช้ในการดำเนินคดีความผิดต่อความมั่นคงว่าด้วยการละเมิดสถาบัน โดยมีการออกหมายเรียกแกนนำ นปช.และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มิ.ย.54 ซึ่งก็น่าสนใจว่า ทางรัฐบาลและดีเอสไอจะใช้หลักฐานอะไรเพิ่มเติม และดำเนินการเอาผิดอย่างไร
ผู้ที่ถูกออกหมายเรียก 19 คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นายการุณ