เจราซิมอฟ ถูกแต่งตั้งให้มาดูแลการรุกรานยูเครนแทน ซูโรวิกิน ซึ่งสั่งการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ โดยการสับเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทัพในยูเครนครั้งนี้ มีขึ้นในขณะที่รัสเซียอ้างว่าตัวเองมีความคืบหน้าในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน หลังจากประสบกับความพ่ายแพ้ทางทหารหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ปีก่อน
เจราซิมอฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบกมาตั้งแต่ปี 2555 เป็นเสนาธิการทหารบกของรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ยุคหลังสหภาพโซเวียต
ในอีกทางหนึ่ง ซูโรวิกิน ซึ่งปัจจุบันถูกปรับตำแหน่งมาให้เป็นรองผู้บัญชาการทัพในยูเครน ได้รับการขนานนามว่าเป็น “นายพลวันสิ้นโลก” จากยุทธวิธีที่โหดร้ายของเขาในการทำสงครามก่อนหน้า รวมทั้งปฏิบัติการของรัสเซียในซีเรีย และการทิ้งระเบิดอย่างหนักในกรุงอเลปโป
ไม่นานหลังจากที่ซูโรวิกินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำการปฏิบัติการในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา รัสเซียได้เริ่มการทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน ส่งผลให้พลเรือนยูเครนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปาใช้เป็นเวลานานในฤดูหนาว นอกจากนี้ ซูโรวิกินยังมีบทบาทในการดูแลการถอนตัวของรัสเซียออกจากเมืองเคอร์ซอนทางตอนใต้ ซึ่งเป็นความรุดหน้าทางสงครามครั้งสำคัญของยูเครน
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า การตัดสินใจปรับเปลี่ยนตัวซูโรวิกินนั้น มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบ “การติดต่อสื่อสารที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ระหว่างหน่วยต่างๆ ของกองทัพ และปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของการจัดการกองกำลังรัสเซีย” แต่บางฝ่ายเห็นว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณว่าซูโรวิกินได้รับอำนาจมากเกินไปในก่อนหน้านี้
“ในฐานะผู้บัญชาการร่วมในยูเครน ซูโรวิกินมีอำนาจมาก และมีแนวโน้มว่าจะแซงหน้า (รัฐมนตรีว่าการกระทวงกลาโหมรัสเซีย) ชอยกู และเจราซิมอฟ เมื่อพูดคุยกับปูติน” ร็อบ ลี นักวิเคราะห์ทางทหารเขียนบนทวิตเตอร์ ทั้งนี้ บล็อกเกอร์ทางการทหารสายเหยี่ยวของรัสเซียบางคน ที่สนับสนุนสงครามแต่มักวิพากษ์วิจารณ์วิธีการดำเนินการของกองทัพ วิพากษ์วิจารณ์ความเป็นผู้นำทางทหารของรัสเซียอย่างมาก รวมถึงการขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษคนใหม่ของเจราซิมอฟ
การประกาศเปลี่ยนผู้บัญชาการทัพยูเครนเมื่อวันพุธ (11 ม.ค.) เกิดขึ้นในขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไปในพื้นที่โซเลดาร์ ทั้งนี้ การล่มสลายของโซเลดาร์อาจช่วยกองทหารรัสเซีย ในการโจมตีเมืองยุทธศาสตร์อย่างบักห์มุต ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร ทำให้รัสเซียมีตำแหน่งปืนใหญ่ที่ปลอดภัยภายในระยะของเมืองโซเลดาร์ ทั้งนี้ ยังมีเหมืองเกลือที่ลึกเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อเป็นกองประจำการกองทหาร และการจัดเก็บยุทโธปกรณ์ให้พ้นจากขีปนาวุธของยูเครน
อย่างไรก็ดี โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ปฏิเสธว่าเมืองโซเลดาร์ยังไม่ล่มสลาย “รัฐผู้ก่อการร้ายและนักโฆษณาชวนเชื่อกำลังพยายามแสร้งสร้าง” ความประสบความสำเร็จของรัสเซียในโซเลดาร์ นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวในคำปราศรัยเมื่อคืนวันพุธว่า “แต่การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป” ก่อนที่ประธานาธิบดียูเครนจะย้ำว่า “เราทำทุกอย่างโดยไม่หยุดแม้แต่วันเดียว เพื่อเสริมสร้างการป้องกันของยูเครน ศักยภาพของเรากำลังเพิ่มขึ้น”
ที่มา: