คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือ 'ต้นตอของปัญหาทั้งหมด' ตั้งแต่การเข้าสู่อำนาจด้วยการยึดอำนาจจากประชาชน สืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นเอง ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปกครองประเทศมายาวนานเกือบ 7 ปี เป็นที่ชัดเจนว่าประยุทธ์เก่งสองเรื่องคือ หนึ่ง เก่งในการทำให้คนยากจนลง สอง เก่งในการคุกคามคนที่ลุกขึ้นมาไล่รัฐบาล แทนการใส่ใจรับฟังเสียงเรียกร้องจากประชาชน รัฐบาลประยุทธ์กลับเลือกที่จะใช้ความรุนแรงตอบโต้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ด้วยการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นเครื่องมือจำกัดสิทธิ์ เสรีภาพจนนำไปสู่การปราบปรามประชาชนจับกุมแกนนำและผู้ชุมนุม
ภาพเจ้าหน้าที่รัฐใช้รถน้ำผสมสารเคมีฉีดใส่ผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนคือความอัปยศของรัฐบาลนี้
ซึ่งดิฉันและเพื่อนนักการเมืองหลายคนได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย และพยายามหาหนทางที่จะหยุดยั้งการใช้อำนาจของรัฐบาลในการทำร้ายผู้ชุมนุม
วันก่อนพวกเราได้หารือกัน และเห็นช่องทางว่าเราน่าจะใช้สิทธิ์ทางศาลเพื่อหาทางคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ชุมนุมให้เร็วที่สุด
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จิรายุ ห่วงทรัพย์ และวัฒนา เมืองสุข จึงได้ร่างคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
เช้าวันนี้ นพ.ชลน่าน จิรายุ นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความ และธนวัฒน์ วงศ์ไชย อดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในนามของประชาชนคนไทย จะไปยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลแพ่ง เพื่อให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯและขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้ศาลคุ้มครองไม่ให้ใช้ประกาศดังกล่าว มาปราบปรามเยาวชนในขณะนี้
"ดิฉันเห็นว่าการใช้สิทธิทางศาลดังกล่าว เป็นอีกหนทางเพื่อหาทางออกให้กับประเทศอย่างสันติ หลีกเลี่ยงความสูญเสียอันอาจจะเกิดขึ้นได้ การใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งเป็นไปตามครรลองจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ จึงขอเรียกร้องวิงวอนมายังศาลได้โปรดใช้อำนาจบนหลักนิติธรรมในการแก้ปัญหา และหาทางออกให้กับประเทศอย่างสันติ" คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ