นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินและเคอร์ฟิวออกไปไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ว่า ระหว่างสถานการณ์การติดเชื้อโควิด กับ วิกฤตเศรษฐกิจที่ลามถึงปากท้องความอยู่รอดของประชาชน อย่างไหนหนักกว่ากัน ในขณะเฝ้าติดตามยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จะกลายเป็นศูนย์เมื่อไหร่ สถิติการฆ่าตัวตายรายวันจากการล็อกดาวน์อาจพุ่งแซงผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ได้ ไม่ใช่ทุกอาชีพสามารถเวิร์กฟอร์มโฮม ทำงานจากที่บ้านได้ทั้งหมด แม้แต่เคอร์ฟิวก็เกิดปัญหาในการบังคับใช้ มาตรฐานในการตั้งด่านเคอร์ฟิวแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดก็ไม่เหมือนกัน มีหลายกรณีสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ต้องผ่านด่านเป็นอย่างมาก
เพราะลำพังแค่การต้องรีบกลับก่อน 4 ทุ่ม ก็กระทบมากอยู่แล้ว เช่น กลุ่มแท็กซี่ ยังต้องมาเจอปัญหาการบังคับใช้มาตรฐานที่แตกต่างกันของเจ้าหน้าที่อีก ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจอยู่อีกเป็นปี แต่ถ้าคลายล็อกอย่างปลอดภัย ร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รักษา Social Distancing ใส่หน้ากาก ใช้เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภทดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะการคลายล็อกให้กับประเภทธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้มีรายได้น้อยและไม่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ
"โควิด-19 ทำลายปอด แต่ล็อกดาวน์ ทำลายเงินในกระเป๋าสตางค์ทุกวัน ความทุกข์ของประชาชนรอไม่ได้ รัฐบาลต้องคลายล็อก อย่างปลอดภัย ประชาชนจะได้กลับไปทำมาหากิน อย่างมีศักดิ์ศรี ปลอดโรค ปลอดภัย" นายอนุสรณ์ กล่าว
เช่นเดียวกับนายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกหนังสือเปิดผนึก ถึงกลุ่มนักธุรกิจมหาเศรษฐี 20 ถือว่าเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มคนอื่นๆ เพื่อรับรู้ความคิดเห็นและปัญหารอบด้าน ทั้งนี้จะดีกว่านี้หากรัฐบาลจะสอบถามปัญหาในทุกกลุ่ม เพื่อทราบถึงปัญหาอย่างแท้จริงทั้งคนชั้นกลาง และคนยากจนทุกๆภาคส่วน กลุ่มอาชีพต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การค้าและภาคบริการ เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและสะท้อนปัญหาได้ทั่วถึง เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาบูรณาการ ในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
นายนิยม กล่าวด้วยว่า การรับรู้ข้อมูลของทุกกลุ่มที่ขับเคลื่อนประเทศ จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ประเทศไทยมีความหลากหลายทางอาชีพที่พึ่งพากัน ภาคเกษตรกรรม ภาคปศุสัตว์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง ภาคธุรกิจค้าขายบริการ ภาคอุตสาหกรรมแปรรูปและส่งออก รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในทุกกลุ่ม อย่าให้ความสำคัญกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
"จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบกับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รัฐบาลต้องมีมาตรการในการดูแลและฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ หลังจากนี้จะต้องให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรมากขึ้น เพราะภาคเกษตรจะเป็นเครื่องจักรสำคัญ ในการสร้างรายได้เข้าประเทศ รัฐต้องจริงจังและจริงใจ และแก้ปัญหาภาคเกษตรกร อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากเกษตรกรมีรายได้จะเป็นการช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กับประเทศได้มหาศาล" นายนิยมกล่าว
อ่านเพิ่มเติม