สำนักข่าวนิเคอิ Nikkei ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับด้วยดัชนีการฟื้นตัวของโควิด-19 (COVID-19 Recovery Index) ของ 120 ประเทศทั่วโลก เพื่อวัดความสามารถในด้านการบริหารจัดการการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด การกระจายวัคซีน และความสามารถในการเคลื่อนที่ทางสังคมของภูมิภาคต่างๆ ด้วยการการประมวลข้อมูลในช่วงปลายเดือนของทุกเดือนจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา อันดับที่สูงบ่งชี้ว่าประเทศหรือภูมิภาคนั้นใกล้ฟื้นตัวแล้ว โดยมีอัตราผู้ติดเชื้อลดลง อัตราการฉีดวัคซีนที่ดีขึ้น และมีการประกาศใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดน้อยลง ในขณะที่อันดับต่ำสะท้อนให้เห็นว่า อัตราผู้ติดเชื้อยังคงสูงอยู่ และการกระจายวัคซีนยังไม่ทั่วถึง
โดยดัชนี Nikkei COVID-19 Recovery Index คำนวณคะแนนจาก 0-90 สำหรับแต่ละประเทศหรือภูมิภาค ซึ่งคะแนนเป็นผลรวมจาก 3 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1. การบริหารจัดการการติดเชื้อ
2. การกระจายวัคซีน
3. การเคลื่อนที่
จากผลการจัดอันดับพบว่า จีนครองอันดับที่ 1 เนื่องจากมีดัชนีการฟื้นตัวดีที่สุด (76.5 คะแนน) ในขณะที่ประเทศไทยรั้งท้ายของตาราง เป็นอันดับที่ 118 จาก 120 ประเทศ โดยมีคะแนนเพียง 26.0 คะแนน ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนหลายประเทศ ทั้ง สปป.ลาว (48.0 คะแนน) , กัมพูชา (34.0 คะแนน) , เวียดนาม (34.0 คะแนน) , ฟิลิปปินส์ (32.0 คะแนน) , อินโดนีเซีย (31.0 คะแนน ) , และมาเลเซีย (29.0 คะแนน)
ผลคะแนนที่รั้งท้ายตารางของไทย Nikkei Asia ชี้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการจัดการด้านวัคซีนนั้นที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าและการจัดการการแพร่ระบาดของโควิดด้วยระบบราชการก็เต็มไปด้วยปัญหาเกี่ยวกับการตัดสินใจ
ประเทศไทยที่เคยเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการควบคุมโควิด-19 ในปีที่แล้ว จึงยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาหนักอยู่ในขณะนี้ Nikkei Asia ยังรายงานอีกว่าแม้จะมีอัตราการเสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นทุบสถิติใหม่รายวันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ยังคงประกาศเป้าหมายอย่างมองโลกในแง่ดีว่าประเทศไทยจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคมหรือภายใน 120 วันนี้ให้จงได้