เปิดรับสมัครเพียงแค่ 1 วัน คือวันที่ 6 กรกฎาคม แต่การประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 ปีนี้ ก็เข้มข้นตั้งแต่รอบแรกของการสัมภาษณ์คัดเลือก เพื่อให้ได้สาวงาม ภายใต้แนวคิด 'The Quest for The Crown ภารกิจพิชิตมงฟ้า' ที่มีปฏิภาณไหวพริบ ความสามารถ ทัศนคติที่ดี มีจิตอาสา ตั้งใจทำงานเพื่อสังคม รวมถึงมีความมุ่งมั่นเป็นตัวแทนสาวไทยเข้าประกวดเวทีระดับโลก 'มิสเวิลด์ 2019' โดยตลอดทั้งวันของการรับสมัคร มีสาวงาม คุณสมบัติพร้อมพิชิตมงฟ้า ตบเท้ามาสมัครอย่างมากมาย
ซึ่งคณะกรรมการที่มาคัดเลือกในรอบแรก อย่าง ชยาภรณ์ บุนนาค ผู้จัดการกองประกวดมิสไทยแลนด์เวลิด์ และ จรีลักษณ์ จันทร์สุวรรณ ผู้จัดการร่วมกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ เผยว่า
"คุณสมบัติของผู้เข้าประกวดที่เราเฟ้นหา จริงๆอยู่ในมาตรฐานที่เราเฟ้นหาไว้ทุกปี แต่ปีนี้เราจะเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากปีแล้ว น้องนิโคลีน ทำไว้ มาตรฐานสูงมาก เพราะฉะนั้นปีนี้ ก็เกร็งทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งทีมงานและผู้เข้าประกวด ทีมงานก็ตั้งมาตรฐานสูง เราก็จะสกรีนในขั้นตอนที่ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกันน้องๆผู้เข้าประกวดก็เกร็งเกมือนกัน เพราะเห็นว่าปีที่แล้วมาตรฐานสูง มาปีนี้ พอมาเขอขั้นตอนคัดเลือกที่เข้มข้น หลายคนก็ตื่นเต้นมาก
ปีนี้เราต้องการ 'The Quest for The Crown ภารกิจพิชิตมงฟ้า' เราต้องการมงฟ้ามงแรกให้กับประเทศไทย นั่นก็คือ ตำแหน่งมิสเวิลด์ ดังนั้นมาตรฐานในการคัดเลือก ในเรื่องของการสื่อสาร บุคลิกภาพ การใช้ภาษาอังกฤษ การใช้ภาษาสากล สำคัญมาก และที่สำคัญที่สุด Beauty with a purpose การเตรียมโครงการจิตอาสามาให้ชัดเจนว่า ทำอะไร และจะช่วยเหลือสังคมได้ยังไง นี่คือจุดประสงค์สำคัญ ที่เราต้องการ มิสไทยแลนด์เวลิด์ 2019 ในปีนี้ อีกอย่างหนึ่ง ผู้เข้าประกวดยังต้องมีความรู้ในเรื่องสังคมในประเทศ และทั่วโลกด้วย การที่คุณจะเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปประกวด มิสเวิลด์ 2019 คุณต้องรู้บริบททั่วโลก ประเด็นปัญหาที่สำคัญของโลกปัจจุบันคืออะไร และที่สำคัญการเป็น มิสเวิลด์ 2019 คุณจะไปช่วยเหลือสังคมโลกได้ยังไง"
ในขณะที่รุ่นพี่ อย่าง ‘นิโคลีน - พิชาภา ลิมศนุกาญจน์’ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 ที่สามารถคว้ารางวัลรองอันดับ 1 มิสเวิลด์ ปี 2018 ครั้งนี้มารับหน้าที่ โค้ช และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ เปิดเผยว่า “วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะทำการคัดเลือก สัมภาษณ์ผู้เข้าประกวด ในส่วนนิโคลกับการทำหน้าที่โค้ช
นอกจากนิโคลจะดูในเรื่องโครงการจิตอาสาที่ผู้สมัครเตรียมมาแล้ว จะดูในเรื่องการเดิน บุคลิกภาพ ที่สำคัญการพูดนำเสนอตนเอง น้ำเสียง ความเชื่อมั่นต่างๆ ค่ะ วันนี้มีน้องๆมากับโครงการแน่นๆเลยค่ะ แล้วก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่ปีนี้ เราเน้นโครงการ Beauty with a purpose แล้วเราก็ได้สิ่งนั้นมาจริงๆ สิ่งที่นิโคล และกรรมการคนอื่นหาผู้เข้าประกวด คือ การเป็นตัวของตัวเอง เราหาคนที่สามารถพูดถึงโครงการของเขาออกมาได้ดี (นิโคล ตั้งมาตรฐาการประกวดเอาไว้สูงมาก?) การที่เราตั้งมาตรฐานไว้สูง เราถึงจะได้คนที่มีคุณภาพที่ดี นิโคลอยากสนับสนุนรุ่นน้องให้ดีกว่าเรา ให้เก่งกว่าเรา เราจะไปพิชิตมงฟ้า อีกสักครั้งหนึ่ง ปีนี้เราอาจจะมีสิทธิ์ นิโคลก็เห็นแววบ้างแล้ว นางงามเป็นอะไรที่ไม่มีใครเหมือนกัน นิโคลอยากให้น้องๆทุกคนมีความพร้อม พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ การเป็นนางงามคือการเป็นตัวของตัวเอง ที่สามารถส่งพลังแรงบันดาลใจให้กับทุกคน
สิ่งที่นิโคล อยากแนะนำน้องๆ คือ ความรู้รอบตัวเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนนิโคลมาประกวด นิโคลก็อ่านข่าวอยู่ตลอดเวลา เราต้องรู้ว่าในโลกนี้มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ ในห้องกรรมการ ที่ต้องถามคำถามเข้มข้นเพราะว่า เราอยากรู้จริงๆว่าผู้เข้าประกวดเป็นยังไง แล้วสามารถรับแรงกดดันได้ไหม เพราะการประกวดจะมีแรงกดดันค่อนข้างสูง เราเลยอยากทดสอบน้องๆ
ผู้เข้าประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 เนิส ดุสิตา ทิพโกมุท วัย 23 ปี คุณครูปฐมวัย และเป็นนางแบบ จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่มาลงประกวดนางงามเป็นครั้งแรก เปิดเผยถึงการมาประกวดครั้งนี้ เพราะ ศรัทธาในกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ที่ปีแล้วเห็นโครงการ Beauty with a purpose และเรารู้สึกว่าโครงการของเราได้นำมาใช้อย่างมีเป้าหมายและมีคุณค่า และตอบโจทย์สิ่งที่เราอยากจะทำ โครงการที่เนิส เลือกจะช่วยเยาวชนและเด็กหลายๆรุ่น กับโครงการ Music Therapy ภายใต้โครงการ “Hear Your Heart” ใช้ดนตรีในการบำบัดเด็กๆ เพื่อสติ สมาธิ และความสนุกสนาน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆตามวัย ซึ่งการประกวดนางงาม สำหรับ เนิส คือ การเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้แสดงศักยภาพของตัวเอง บ่งบอกว่าเราเป็นใคร ทำอะไร แล้วเราสามารถทำได้จริง อย่างมีเป้าหมาย ที่เป้าหมายไม่ได้ส่งผลประโยชน์แค่ตัวเรา และยังส่งต่อให้กับสังคม
ผู้เข้าประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 พลอย ปรียาดา บัวสมบุญ อายุ 24 ปี จบการศึกษาคณะแพทย์แผนจีน หมอฝังเข็ม จากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอลัดฟ้าจาก จีน เพื่อบินมาประกวดในครั้งนี้ กับการสานฝันการเป็นนางงาม ที่เธอชื่นชอบตั้งแต่เด็ก ซึ่งเธอมองว่าการเป็นหมอ หรือ นางงาม มีความคล้ายกัน คือทำอะไรดีๆเพื่อสังคม นางงามสำหรับเธอตอนนี้ไม่ใช่ความสวยแต่ต้องมีความมั่นใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ ส่วนโครงการ Beauty with a purpose ที่เธอเตรียมมา คือโครงการ The Power of Love เกี่ยวกับผู้สูงอายุ เธอคิดว่าสังคมปัจจุบันกำลังก้าวสู่ยุคที่มีผู้สูงอายุมากขึ้น แต่การดูแลยังไม่ทั่วถึง เธอเคยร่วมโครงการเกี่ยวกับผู้สูงอายุที่ เซี่ยงไฮ้ ด้วยการนำวิชาการแพทย์แผนจีนไปรักษา และให้ความรู้ วิธีการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดี และอยู่อย่างยั่งยืน จากโครงการนี้ทำให้เธออยากสานต่อ เพราะเธอมองว่า ผู้สูงอายุไม่ควรถูกลืม เพราะผู้สูงอายุคือเบื้องหลังความสำเร็จ ในทุกๆที
สำหรับ การประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 กองประกวดฯ จะประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบ 60 คน ในวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคมนี้ ทาง www.missthailandworld.net โดยผู้ผ่านเข้ารอบ จะต้องเข้ารายงานตัวเพื่อสัมภาษณ์รอบที่ 2 วันอังคารที่ 9 กรกฎาคมนี้ เพื่อคัดเลือกให้เหลือผู้ผ่านเข้ารอบ 48 คน ก่อนเข้าคัดเลือกในรอบที่ 3 เพื่อคัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบ 24 คนสุดท้ายต่อไป โดย ผู้คว้ามงกุฏ “มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019” จะได้รางวัลดังนี้ เงินรางวัล 1,000,000 บาท, มงกุฎเพชรประดับ Pink Sapphire จาก สยามเจมส์ เฮอริเทจ มูลค่า 1,500,000 บาท ,รถยนต์ Hyundai รุ่น IONIQ Electric มูลค่า 1,749,000 บาท ซึ่งรอบตัดสินจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2562 ณ พาลาเดียม ฮอลล์ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :