นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ในฐานะสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎรที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมาโดยตลอด อยากจะส่งสัญญาณถึงรัฐบาลว่า ณ ขณะนี้ ประชาชนอดทนรอไม่ไหวอีกแล้ว ประชาชนจำนวนมากจำไม่ได้แล้วว่าวันสุดท้ายที่ตนเองสามารถออกไปทำงานหารายได้ได้ตามปกติ นั้นเป็นวันที่เท่าไหร่ ปัจจุบันรายได้ก็ไม่มี เงินออมก็หมดสิ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกวัน ลูกยังร้องหิวนม หิวข้าว อยู่ทุกวัน หนี้นอกระบบก็ต้องหยิบยืมเขาไปทั่วจนล้นพ้นตัวแล้ว ในเมื่อการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ จะช่วยร่นเวลาทำให้รัฐบาลสามารถช่วยเหลือประชาชนได้เร็วขึ้น ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาด้วย สำหรับประชาชนอย่าว่าเร็วขึ้น 2 สัปดาห์เลยครับ เร็วขึ้นได้ 1 วัน ก็มีความหมายต่อชีวิตเขามากๆ
สำหรับข้ออ้างที่ว่า ถ้ามีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ โดยมี ส.ส. มาประชุมกัน แล้วอาจจะเกิดการแพร่ระบาดแบบ Super Spreader เหมือนกับกรณีของสนามมวยลุมพินี ในวันที่ 6 มี.ค. ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ชัดเจนออกมาแต่อย่างใด นั้นเป็นข้ออ้าง ที่จะเอามาเป็นเหตุในการไม่ยอมเปิดประชุม และเป็นการสะท้อนว่ารัฐบาลไม่มีความกระตือรือร้น เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเลย
นายวิโรจน์ ระบุว่า ห้องประชุมสุริยัน นั้นมีที่นั่งรองรับได้ถึง 1,209 ที่นั่ง [1] นอกจากนี้ยังสามารถซักซ้อมพรรคการเมืองต่างๆ ให้มอบหมายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มาประชุมเพียงจำนวนหนึ่ง เพื่อรักษาองค์ประชุมให้พอครบเท่านั้น ซึ่งหากมาประชุมกันในระดับ 244 – 260 คน กับที่นั่งที่มีอยู่ทั้งหมด 1,209 ที่นั่งในห้องสุริยัน ก็ยังคงสามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ หรือต่อให้จำเป็นต้องประชุมในห้องประชุมจันทรา ที่มีที่นั่ง 350 ที่ ก็ยังคงสามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ อย่างไม่มีปัญหา กระบวนการคัดกรองต่างๆ ก็ยังสามารถทำได้
นอกจากนี้ ที่ยืนยันได้ว่าข้ออ้างของวิปรัฐบาลนั้นไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ [2] ก็เพราะว่า จะอย่างไร ตามกำหนดการเดิม สภาผู้แทนราษฎร ก็จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ. โอนงบประมาณฯ ทั้ง 3 วาระ ในวันที่ 28 พ.ค. [3] ซึ่งในช่วงวันดังกล่าว สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ก็ยังไม่หมดไปอยู่ดี
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงอยากให้รัฐบาลทบทวน คิดถึงความทุกข์ร้อน และความหิวโหยของประชาชนให้มากๆ มีสำนึกเสียทีว่าประชาชนนั้นรอคอยไม่ได้อีกแล้ว และเร่งตัดสินใจเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรได้ช่วยร่นเวลา และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาปากท้อง และการทำมาหากินให้กับประชาชนได้แล้ว เรื่องความกลัวการแพร่ระบาดของโรค หากใช้สติปัญญา โดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง และรู้จักที่จะถอดบทเรียนจากกรณีสนามมวย การวางแผนป้องกันการแพร่ระบาด นั้นไม่เกินวิสัยที่สามารถทำได้อยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :