วันที่ 2 ต.ค. ที่อาคารรัฐสภา อัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่าที่ประชุมวิปรัฐบาลได้พิจารณาถึงจำนวนประธานคณะกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลที่มี สส. ลดลง 1 คน
ดังนั้น ที่ประชุมวิปรัฐบาลจึงเห็นว่า การคำนวนตามสัดส่วนคณิตศาสตร์ พรรคก้าวไกล มี สส.ลดลง ทำให้จำนวนคณะกรรมาธิการจาก 11 เหลือ 10 คณะ และพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้เพิ่มจาก 2 คณะเป็น 3 คณะ
รวมถึงสัดส่วนของกรรมาธิการฯ ในคณะ พรรคก้าวไกล จาก 159 คน เหลือ 158 คน เนื่องจากพรรคก้าวไกลขับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ออกจากพรรค จึงต้องเพิ่มจำนวนกรรมาธิการฯ ให้กับพรรคประชาชาติ จาก 9 เป็น 10 คน
อัครเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีการพูดคุยกันกับพรรคก้าวไกลอีก เพราะได้พูดคุยกันไปแล้ว และหากพรรคก้าวไกลไม่ยินยอม ก็จะไปโหวตกันในที่ประชุมสภาฯ ใหญ่ ซึ่งเราไม่อยากให้ถึงขั้นโหวต อยากให้ตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนประธานกรรมาธิการ ก็จะไปโหวตในที่ประชุมกรรมาธิการของแต่ละคณะ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ต.ค. นี้
นอกจากนี้ในที่ประชุมวิปรัฐบาลยังได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากทางพรรคพลังประชารัฐขอเสนอเปลี่ยนชื่อจาก คณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ เป็น คณะกรรมาธิการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างรายได้ และ คณะกรรมาธิการการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตเกษตรกรรม เป็นคณะกรรมาธิการจัดการน้ำ
ขณะที่ในส่วนของพรรคก้าวไกลที่เสนอขอเปลี่ยนชื่อจาก คณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีวิจัยและนวัตกรรม เป็นคณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับกระทรวงอุดมศึกษาฯ
โดยคณะกรรมาธิการฯ ที่จะต้องพิจารณาเปลี่ยนชื่อนั้นมีกรรมาธิการ 20 คน โดยมี อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ซึ่งจะต้องพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 7 วัน
อัครเดช กล่าวว่าสำหรับวาระการประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ นอกจากจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะแล้ว สส.รัฐบาล จะยื่นญัตติด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา และเรื่องนี้ได้ประสานกับฝ่ายค้านเรียบร้อยแล้ว