ไม่พบผลการค้นหา
'วทันยา' เข้าซบ 'ประชาธิปัตย์' เผยศรัทธาในความเป็นสถาบันการเมือง 76 ปี เป็นที่พึ่งประชาชน มีความเป็นประชาธิปไตยในพรรค ปัดต่อรองเป็นบัญชีรายชื่อ 10 อันดับแรก ด้าน 'จุรินทร์' เล็งวางตัวเสริมแกร่งทีม กทม. ผนึก 'องอาจ-สุชัชวีร์' เชื่อชาวกรุงอ้าแขนต้อนรับ

วันที่ 22 ก.ย. 2565 ที่พรรคประชาธิปัตย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าและผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค รวมถึง ส.ส. ได้ร่วมกันให้การต้อนรับ วทันยา บุนนาค มาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลังได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่ารับไม่ได้กับการเล่นการเมืองกันเกินควรภายในพรรคพลังประชารัฐ จากกรณีล่มสภาเพื่อผลักดันสูตรคำนวณ ส.ส.แบบหาร 100

จุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้มีความยินดีที่ได้ต้อนรับนักการเมืองรุ่นใหม่ และเป็นดาวเด่นในสภาผู้แทนราษฎร มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม กทม. เป็นการเฉพาะ นอกเหนือจากงานด้านอื่นของพรรคในภาพรวม เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนทีม กทม. ซึ่งมี องอาจ คล้ามไพบูลย์ และ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นแกนนำอยู่แล้ว ต่อจากนี้ก็จะมี วทันยา บุนนาค มาช่วยขับเคลื่อนอีกคน และทำให้พรรคประชาธิปัตย์เดินหน้าไปสู่เสียงสนับสนุนที่มากขึ้นเป็นลำดับ

"มาดามเดียร์ได้แจ้งความจำนงจะลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมยินดีต้อนรับ" จุรินทร์ กล่าว

วทันยา จุรินทร์ ประชาธิปัตย์ 4 66-837B-EA226E6EFD76.jpegสุชัชวีร์ วทันยา ประชาธิปัตย์ 86B-FDE345106F52.jpeg

จุรินทร์ ยังเผยว่า ที่ผ่านมาเชื่อว่าคนกรุงเทพฯให้การตอบรับพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นแล้ว ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นที่ 2 เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น ส.ก.เองก็ได้ 5 ที่นั่ง จึงถือว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ยังพร้อมต้อนรับพรรคประชาธิปัตย์อยู่ และเมื่อได้ทีมคนรุ่นใหม่ เช่น วทันยา และ สุชัชวีร์ มาผสมผสาน จึงมั่นใจว่าจะได้เสียงตอบรับมากขึ้น

ด้าน วทันยา ระบุว่า ในเมื่อตนต้องการทำงานขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยต่อไป พรรคการเมืองถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ตัวตนของพรรคการเมืองก็ควรเป็นจุดเริ่มต้นที่สะท้อนถึงสัญลักษณ์ของความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในพรรค และจากการติดตามก็รู้สึกชื่นชมในการทำงานของหัวหน้าพรรคและสมาชิกฯ ทุกท่าน ว่ามีความตั้งใจขยันทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ในการเข้ามาทำงานการเมืองในครั้งนี้ ตนตั้งใจจะยึดมั่นในความสุจริตและยึดมั่นในความถูกต้องต่อไป

"ดิฉันศรัทธาในความเป็นสถาบันของพรรคประชาธิปัตย์ ตลอด 76 ปีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เติบโตเคียงข้างกับคนไทยทุกยุคสมัย ได้พิสูจน์ถึงความเป็นสถาบันของพรรคการเมืองที่เป็นที่พึ่งให้กับคนไทย เห็นได้ชัดเจนว่า สมาชิกฯ ทุกคนมีอิสระทางความคิด และที่สำคัญไม่มีบุคคลใดเป็นเจ้าของ ไม่มีอำนาจใดมาผูกขาดครอบงำความเป็นพรรคประชาธิปัตย์" วทันยา ระบุ

สำหรับกระแสข่าวว่ามีเงื่อนไขในการเข้าเป็นสมาชิกพรรค คือต้องเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใน10 ลำดับแรกของพรรคนั้น วทันยา ปฏิเสธว่าไม่จริง เพราะต้องขึ้นอยู่กับทางคณะผู้บริหารพรรคว่าพิจารณาความเหมาะสมเป็นอย่างไร ความตั้งใจทำงานการเมืองครั้งนี้ ตนอยากจะเปลี่ยนแปลงและนำแนวความคิดนโยบายมาแก้ไขประเทศในหลายๆ ด้าน ด้วยเจตจำนงนี้จึงขอสมัครเป็น ส.สแบบบัญชีรายชื่อเพื่อจะได้ขับเคลื่อนนโยบายอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับพรรคจะมีมติว่าจะให้ตนสมัครเป็น ส.ส.แบบใด

"ใช้เวลาตัดสินใจอยู่พอสมควร ในการลาออกก็เป็นการตัดสินใจแบบกะทันหัน ใช้เวลา 1 เดือนกว่าหลังจากลาออก ส.ส. แต่กว่าจะทำงานการเมืองต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกเสียก่อน คือพรรคการเมืองต้องมีความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในพรรค การทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสอนตนเอง ในฐานะคนรุ่นใหม่" วทันยา กล่าว

ส่วนจะมี ส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐย้ายตามมาหรือไม่ วทันยา ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยใดๆทั้งสิ้น ขอให้เป็นการตัดสินใจและเคารพการตัดสินใจของ ส.ส.ทุกท่าน

วทันยา  ประชาธิปัตย์ สุชัชวีร์ 6-F576FEC50229.jpegวทันยา จุรินทร์ ประชาธิปัตย์ 4 54866685F6.jpegวทันยา จุรินทร์ ประชาธิปัตย์ 4 F5D145A94516.jpeg

เมื่อถามว่าระหว่างพรรค พปชร. และ ปชป. มีความแตกต่างกันอย่างไร วทันยา กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ในช่วงการเลือกตั้ง 2562 ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2489 เห็นได้ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์แล้วถึงความเป็นสถาบัน ที่เป็นตัวแทนและที่พึ่งพาของประชาชน

สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น วทันยา กล่าวว่า ตนยังคงให้ความเคารพนับถือท่านเช่นเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ในการทำงานก็อาจจะเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมไปเท่านั้น เรื่องของมิตรภาพก็ขึ้นอยู่กับบริบท

ในการแข่งขันระหว่าง ส.ส. ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมัยหน้า วทันยา มองว่า ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องดูว่าผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชนหรือไม่ พร้อมย้ำว่าไม่ได้กังวลถึงกรณีการซื้อหุ้นในสื่อมวลชน เพราะตนและครอบครัวได้ให้ความชัดเจน และปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ ตั้งแต่วันแรกที่สว่างส.สพรรคพลังประชารัฐเมื่อ 3 ปีก่อนแล้ว

เมื่อถามว่าพรรคเดิมที่เคยสังกัดมีการผูกขาดครอบงำใช่หรือไม่ วทันยา ระบุว่า คงไม่ใช่แบบนั้น และตนไม่ได้อยากพาดพิงใดๆ ถึงพรรคการเมืองอื่น แต่สำหรับตนถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการทำหน้าที่นักการเมือง และตนมีความตั้งใจจะทำงานการเมืองต่อไปเมื่อมีโอกาสเข้ามาแล้ว และตัดสินใจอย่างรอบคอบด้วยหลักเหตุและผล