เซอร์เก ซูโรวิกิน ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการคุมทัพอันดับแรกในการรุกรานยูเครน ในวันเดียวกันกับที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประสบกับความอับอายครั้งใหญ่ หลังจากเหตุระเบิดสะพานเคียร์ช ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมไครเมียเข้ากับรัสเซียผ่านทางช่องแคบเคียร์ช ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่บนถนนและรางรถไฟ
อย่างไรก็ดี ยูเครนไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตนเกี่ยวข้องกันกับเหตุระเบิดสะพานเคียร์ชเมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) ซึ่งทางการรัสเซียระบุว่าเป็นการวางระเบิดด้วยรถบรรทุกติดระเบิด โดยเหตุการณ์ระเบิดถล่มสะพานที่สร้างความเสียหาย ให้กับถนนทางเชื่อมไครเมียเข้ากับรัสเซียในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากวันเกิดของปูตินเพียงวันเดียว ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนรายหนึ่ง โพสต์ข้อความ “สุขสันต์วันเกิด” แก่ปูติน พร้อมกับรูปภาพความเสียหายจากการระเบิดด้วย
ซูโรวิกิน เป็นผู้บัญชาการทหารผ่านศึก ซึ่งเป็นผู้นำการสำรวจทางทหารของรัสเซียในซีเรียเมื่อปี 2560 นอกจากนี้ ซูโรวิกินยังถูกกล่าวหาว่า ตนใช้กลยุทธ์ที่ “เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์” รวมถึงการทิ้งระเบิดตามอำเภอใจใส่กองกำลังต่อต้านรัฐบาลซีเรีย พันธมิตรของรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกกลาง
การแต่งตั้งซูโรวิกินถือเป็นครั้งแรก ในการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาในสนามรบโดยภาพรวมของกองทหารรัสเซียในยูเครน ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าในขณะนี้ รัสเซียกำลังตระหนักได้ว่ากองทัพของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย จากความพ่ายแพ้ในยูเครน โดยในตอนนี้ กองทัพยูเครนกำลังรุกคืบเข้าไปในทั้ง 4 ภูมิภาค ที่ปูตินอ้างว่าตนได้ “ผนวก” เป็นของรัสเซียแล้ว
ซูโรวิกินในฐานะอดีตหัวหน้ากองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซีย เคยได้รับการส่งตัวไปประจำเป็นหัวหน้ากองทหารทางตอนใต้ เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แทนที่นายพลอเล็กซานเดอร์ ดวอร์นิคอฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ไม่กี่เดือน เขายังถูกมองว่าตนสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทัพรัสเซีย ในการสู้รบทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งรัสเซียประสบกับการสื่อสารและความร่วมมือทางการทหารที่ผิดพลาด
อย่างไรก็ดี ซูโรวิกินยังมีประวัติที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่า เขาเคยต้องโทษคุมขัง 2 ครั้ง จากกรณีการขายอาวุธ และการเป็นผู้นำกองทหารในการยิงผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย จากความพยามยามในการรัฐประหารรัสเซียเมื่อปี 2534 เขายังเคยปฏิบัติหน้าที่ในทาจิกิสถานและเชชเนียอีกด้วย
“กว่า 30 ปีที่การปฏิบัติหน้าที่ของซูโรวิกิน ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตและการทารุณกรรม” เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหราชอาณาจักร ระบุในรายงานฉบับล่าสุดไปก่อนหน้านี้ว่า ซูโรวิกินมีแนวโน้มว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำกลุ่มทหารทางตอนใต้
ระหว่างความพยายามก่อรัฐประหารในปี 2534 โดยกลุ่มหัวรุนแรงคอมมิวนิสต์โซเวียต ซูโรวิกินซึ่งขณะนั้นมียศเป็นร้อยเอก ได้นำกองปืนไรเฟิลขับรถผ่านเครื่องกีดขวาง ที่ตั้งขึ้นโดยผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งนี้ มีชาย 3 คนถูกสังหารในการปะทะกันครั้งนั้น และ 1 คนในนั้นถูกรถบดขยี้ “มันเป็นสัญลักษณ์อย่างชัดเจนที่ เซอร์เก ซูโรวิกิน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว ที่ได้รับคำสั่งให้ยิงนักปฏิวัติในเดือน ส.ค. 2534 และสังหารคนไป 3 คนจริง ๆ เพื่อเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายในการฟื้นฟูสหภาพโซเวียต” กริกอรี่ ยูดิน นักรัฐศาสตร์และนักสังคมวิทยาชาวรัสเซียระบุ “คนเหล่านี้รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ และตอนนี้ก็ยังรู้”
นอกจากนี้ การแต่งตั้งซูโรวิกินเป็นความพยายามรับมือกับกลุ่มชาตินิยมในรัสเซีย ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่ากองทัพของชาติตนผิดพลาดในการทำปฏิบัติการในยูเครน และล้มเหลวในการใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงเพื่อพยายามบังคับให้ทางฝั่งยูเครนยอมจำนน
ในบรรดาผู้ที่ออกมาแสดงความยินดีถึงการแต่งตั้งซูโรวิกินนั้น เยฟกีนี ปริโกชิน ผู้ก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้างแวกเนอร์ ที่ออกมาวิจารณ์กองทัพรัสเซียระบุว่า “ซูโรวิกินเป็นผู้บัญชาการที่มีความสามารถมากที่สุดในกองทัพรัสเซีย” และ เขาเป็น “บุคคลในตำนาน เขาเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดินเกิดด้วยความซื่อสัตย์” พร้อมระบุอีกว่า “หลังจากได้รับคำสั่ง (ในปี 2534) ซูโรวิกินเป็นเจ้าหน้าที่คนนั้น ที่เข้าไปในรถถังของเขาโดยไม่ลังเล และเดินหน้าเพื่อช่วยประเทศของเขา”
ที่มา: