วันที่ 17 ต.ค. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมประชุมกับ "สภาองค์กรของผู้บริโภค และเครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม" ที่มาหารือ เพื่อสนับสนุนให้เกิดนโยบายพลังงานที่นำไปสู่ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรมและสร้างความยั่งยืน พร้อมยื่นรายชื่อสนับสนุนจำนวน 6,323 รายชื่อ จาก 172 องค์กร
สำหรับข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันเชื้อเพลงและก๊าซหุงต้มของกลุ่มดังกล่าว ระบุว่า 1.ให้ยกเลิกราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันของประเทศไทย ด้วยการอิงราคาตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของตลาดสิงคโปร์ และกรณีที่ค่าการกลั่นสูงกว่าปกติ ให้รัฐดำเนินการตัดเก็บภาษีลาภลอย เหมือนที่กลุ่มหายประเทศในสหภาพยุโรปได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งรัฐต้องควบคุมเพดานสูงสุดค่าการกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
2.ให้กระทรวงพลังงาน เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอให้กระทรวงการคลัง ออกประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จาก 3.67 บาทต่อลิตร เหลือไม่เกิน 1 บาทต่อลิตร และลดฐานภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊ซโซฮอล 95 จาก 5.85 บาทต่อลิตร เหลือไม่เกิน 2.50 บาทต่อลิตร ให้ส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมัน
3.ให้กระทรวงพลังงานเสนอ ครม. พิจารณากำกับให้มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อชดเชยในกรณีที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้น
4.ให้ควบคุมค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ซึ่งปัจจุบันสูงถึง 3.5 บาทต่อลิตร
5.ขอให้ทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตเลียมเหลว (LPG) สำหรับภาคครัวเรือนหรือก๊าซหุงต้มใหม่ โดยให้กระทรวงพลังงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และให้ยกเลิกการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG เต็มรูปแบบที่ปล่อยลอยตัวราคาก๊าซ LPG
6.การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอต่อสาธารณะว่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปประเทศอื่นนั้น ทางเครือข่ายเห็นว่า อาจพบอุปสรรคหลายประการในประเทศ จึงเสนอให้กระทรวงพลังงานส่งเสริมการสนับสนุนการให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการติดตั้งระบบไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือนให้เร็วที่สุด เพื่อลดการพึ่งพานำเข้าพลังงานจากต่างประเทศที่มีราคาแพง