จาตุรนต์ ฉายแสง สส.พรรคเพื่อไทย ในประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ…. (ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งคสช.ฯ) ระบุผ่านสื่อโซเชียลมีเดียวันนี้ (17 ตุลาคม 2568) ว่า
ผ่านแล้วทั้ง 2 สภา ยกเลิกคำสั่ง คสช.55 ฉบับ ล้างมรดกรัฐประหาร ย้ำ อำนาจออกกฎหมายพึงเป็นของประชาชน
ผมในประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ…. (ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งคสช.ฯ) ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในวันนี้ภารกิจในการล้มล้างมรดกรัฐประหารสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างยกเลิกคำสั่ง คสช. 55 ฉบับไป กระทั่งเมื่อวานนี้ (16ต.ค.) วุฒิสภาลงมติผ่านร่างดังกล่าวไปแล้วเช่นกัน ซึ่งจากนี้จะทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
การที่ทั้ง 2 สภาเห็นชอบร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ ถือปรากฏการณ์ที่สำคัญและมีความหมายอย่างมากต่อหลักการและระบอบประชาธิปไตย รวมถึงเป็นการตอกย้ำว่า อำนาจในการออกกฎหมายพึงเป็นของประชาชน
ในการที่เราร่วมแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยหรือไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนสากล สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ ดังนั้นคำสั่ง คสช.ที่ยังคงค้างไว้จึงยังเป็นงานของทั้งรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงรัฐสภาเองที่จะต้องล้างมรดกรัฐประหารนี้ให้สำเร็จไปด้วยกัน
แต่ถึงอย่างไรยังมีประกาศและคำสั่งของ คสช. หลายฉบับที่มีเนื้อหาซับซ้อนและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน หลายฉบับยังต้องมีการออกกฎหมายเป็นการเฉพาะอีกด้วยซึ่งคณะกรรมาธิการจึงเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาเป็นรายกรณี ขณะเดียวกัน บางประเด็น สภาฯ ก็อยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายอยู่แล้ว เช่น การปฏิรูปการศึกษา การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และการยกเว้นการบังคับใช้ผังเมืองสำหรับกิจการบางประเภท เป็นต้น
ทั้งนี้ในชั้น กมธ.ของสภาผู้แทนราษฎร เราได้มีข้อสังเกตเชิงหลักการที่เสนอแนะไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีระบบทบทวนและมีมาตรการเยียวยาเกี่ยวกับการเรียกให้บุคคลมารายงานตัวและการควบคุมตัวตามคำสั่ง คสช.ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะนำไปผลักดันต่อไป
ประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรากล้าปลดโซ่ตรวนจากอดีตและปรับ “กติกาใหญ่” ให้ยืนอยู่ข้างประชาชน การยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ผ่านทั้งสองสภาแม้เป็นก้าวสำคัญ แต่ยังไม่พอ หากไม่เร่งเดินหน้า “แก้รัฐธรรมนูญ” ครับ