ภาพแผนที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งแสดงเส้นทางการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกในเว็บไซต์ทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ซึ่งญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพนั้น ปรากฏหมู่เกาะซึ่งทางเกาหลีเรียกว่าหมู่เกาะด็อกโด หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่าหมู่เกาะทาเคชิมะ ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ทั้งสองชาติต่างยืนกรานว่าดินแดนนี้เป็นของประเทศตัวเอง
หลังกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้รับการยืนยันว่าจุดขนาดเล็กบนแผนที่ดังกล่าวแทนภาพของหมู่เกาะด็อกโด รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เรียกเจ้าหน้าที่ด้านการทูตของญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้เข้าพบ เพื่อคัดค้านเรื่องแผนที่ โดยระบุว่าเป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง หากญี่ปุ่นจะอ้างสิทธิ์การปกครองเหนือหมู่เกาะด็อกโด พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการแก้ไขแผนที่ในเว็บไซต์ให้ถูกต้องโดยทันที
วันที่ 24 กรกฎาคม โยชิฮิเดะ สุกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น รับทราบถึงความไม่พอใจและคัดค้านการกระทำในครั้งนี้ของญี่ปุ่นแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะแก้ไข
"ญี่ปุ่นบอกทางเกาหลีใต้ว่าการประท้วงนี้ยอมรับมิได้ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเจ้าของหมู่เกาะทาเคชิมะ ยิ่งเมื่อคำนึงถึงพื้นที่ของทะเลญี่ปุ่นด้วยแล้ว" สุกะชี้
ความขัดแย้งปะทุขึ้นเสมอเมื่อมีการนำเสนอภาพแผนที่โดยรวมหมู่เกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งด้วย โดยทางเกาหลีใต้ก็เคยได้ทักท้วงให้ญี่ปุ่นแก้ไขตำราเรียนชั้นประถมและมัธยมที่ระบุว่าหมู่เกาะทาเคชิมะเป็นของญี่ปุ่น และในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 ซึ่งเกาหลีเป็นเจ้าภาพนั้น ก็ถูกญี่ปุ่นทักท้วงเรื่องธงรวมของเกาหลี ซึ่งมีหมู่เกาะพิพาทนั้นอยู่ด้วย กระทั่งเกาหลีถอดหมู่เกาะดังกล่าวออกจากธงไปในที่สุด โดยในคราวนั้น สุกะก็ชี้ว่าการที่เกาหลีรวมหมู่เกาะทาเคชิมะไว้ในธงนั้นยอมรับมิได้
พื้นที่ดังกล่าวเป็นข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศมาอย่างยาวนาน โดยแม้แต่ ‘ทะเลญี่ปุ่น’ นั้นเอง ทางเกาหลีใต้ก็เรียกร้องให้เรียกว่า ‘ทะเลตะวันออก’ ในส่วนของหมู่เกาะด็อกโดหรือทาเคชิมะ เป็นหมู่เกาะเล็กๆ มีพื้นที่ราว 117 ไร่ ทว่าเป็นหนึ่งในชนวนความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดเกาหลีเป็นอาณานิคมอยู่ 35 ปี กระทั่งญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ต้องคืนดินแดนที่ยึดมาในช่วงสองครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับเจ้าของเดิม
ในครั้งที่เป็นอิสระจากญี่ปุ่น รัฐบาลเกาหลีได้นับรวมหมู่เกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเองในการประกาศเอกราช ทว่าทางญี่ปุ่นชี้ว่าหมู่เกาะทาเคชิมะเป็นของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ใช่ดินแดนที่ต้องส่งคืนให้เกาหลี โดยญี่ปุ่นได้ประกาศรวมเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดชิมาเนะเมื่อปี 1905
ทั้งนี้แม้จะเป็นเกาะขนาดเล็ก 2 เกาะที่มีภูมิประเทศเต็มไปด้วยโขดหิน และประชากรไม่ถึงร้อยคน แต่บริเวณโดยรอบหมู่เกาะนั้นก็เป็นทรัพยากรก๊าซธรรมชาติและสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ โดยมีการประมาณการณ์ว่าใต้ผืนน้ำใกล้เกาะพิพาทแห่งนี้มีก๊าซมีเทนไฮเดรตราว 600 ล้านตัน เทียบเท่าปริมาณการใช้ก๊าซของเกาหลีใต้ถึง 30 ปี
แม้ทางญี่ปุ่นจะเสนอให้ยื่นเรื่องนี้ให้ศาลโลกชี้ขาดมาหลายครั้งตั้งแต่ปี 1954 ปี 1962 และปี 2012 แต่ทางเกาหลีได้ปฏิเสธมาตลอดโดยยืนยันว่าเกาหลีใต้ไม่จำเป็นต้องนำสิ่งที่เป็นของเกาหลีอยู่แล้วไปให้ศาลระหว่างประเทศชี้ขาดอีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: