เมียนมาประเทศซึ่งมีประชาธิปไตยได้เพียง 5 ปี กลับต้องสะดุดลง หลังกองทัพออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์เมียวดี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 ปี เพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ โดยกองทัพอ้างเหตุผลการยึดอำนาจจากพรรคเอ็นแอลดีของนางซูจีและคณะกรรมการการเลือกตั้งเนื่องจากล้มเหลวในการตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งเมื่อปลายเดือน พ.ย. 2563
คำแถลงระบุว่า "อำนาจทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการของประเทศ ถูกโอนไปยัง พล.อ.อาวุโส หมิ่นอ่องหล่ายน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพตามมาตรา 418 ของรัฐธรรมนูญปี 2551 จนกว่าการดำเพื่อ 'แก้ไขวิกฤตการเมือง' จากการผลการเลือกตั้งอันไม่โปร่งใสจะเสร็จสิ้น" พร้อมกันนี้กองทัพยังเลือก พล.อ. มินต์ ส่วย ให้ทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีชั่วคราวแทน ตั้งแต่ 1 ก.พ. เป็นต้นไป
มินต์ ส่วน เป็นนายพลเกษียณวัย 69 ปี ที่ก่อนหน้านั้นเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนที่สามของประเทศ ภาพของอดีตนายพลเกษียณผู้นี้ถูกมองว่าเป็นผู้มีความใกล้ชิดแนบแน่นกับกองทัพ ทั้งยังเป็นผู้มีความสนิทสนมกับ พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย อดีตผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหาร
จบการศึกษาด้านทหารจากสถาบันป้องกันประเทศ (Defense Services Academy) ในปี 2517 เขาขึ้นเป็นนายพลจัตวาและผู้บัญชาการกองทหารราบเบาที่ 11 ในปี 2540 ต่อมาในปี 2544 มินต์ ส่วย ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ กระทั่งได้รับการย้ายไปทำหน้าที่มุขมนตรีประจำนครย่างกุ้ง
พล.อ มินต์ ส่วน เคยเป็นหนึ่งในสามผู้ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเมียนมาเมื่อปี 2559 จากการสนับสนุนของกองทัพ แต่กลับพ่ายแพ้ผ่านการโหวตให้กับ ถิ่น จอว์ ผู้ชิงจากพรรคเอ็นแอลดี หลังพรรคของนางซูจี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อปี 2558
เมื่อ 2561 พล.อ.มินต์ ส่วน เคยเข้ารักษาการประธานาธิบดีเมียนมา จากการที่ ถิ่น จอว์ ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีกะทันหันเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งนี้ ชื่อของพล.อ. มินต์ ส่วย ยังคงอยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ ที่ถูกห้ามเดินทางเข้าประเทศ
อีกบุคคลหนึ่งที่ต้องจับตามองในเหตุกองทัพเมียนมายึดอำนาจคือ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่ายน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของการเมืองเมียนมาในขณะนี้ โดยผบ.สส.กำลังจะมีอายุครบรอบ 65 ปี ในเดือนก.ค.นี้ โดยตามกฎหมายของเมียนมาระบุให้นายทหารของกองทัพต้องเกษียณราชการเมื่ออายุครบ 65 ปี
ก่อนหน้านี้ช่วงการเลือกตั้งเมียนมา ผบ.สส. เมียนมา กล่าวว่า เขาจะใช้ประสบการณ์ในฐานะผู้นำทางทหารมาเป็นประโยชน์ในทางการเมือง เป็นสัญญาณชัดเจนว่าอดีต ผบ.สส.ผู้นี้มีแผนลงเล่นการเมืองในอนาคต เมื่อพ้นจากตำแหน่ง โดยผู้ที่คาดว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นดำรงตำแหน่ง ผบ.สส. คนใหม่ คือ พล.อ. ซอวิน แต่ก็เป็นนายทหารที่มีชื่อเสียงไม่ดีนักในด้านคอร์รัปชัน จึงต้องจับตาว่าสถานะทางการเมืองของพล.อ.มินอ่องหล่ายน์ หลังจากนี้จะเป็นเช่นไรหลังกองทัพเมียนมายึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเอ็นแอลดี