นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ภายหลังจากที่เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้แถลงเปิดเผยถึงการพิจารณาคำร้องกรณีพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จัดโต๊ะจีนระดมทุน 200 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ล้านบาท ได้ยอดรวมมูลค่ากว่า 650 ล้านบาทว่า จากการตรวจสอบผู้บริจาค ที่มีนิติบุคคล 40 แห่ง และบุคคล 84 คน ไม่พบบุคคลต่างชาติร่วมบริจาคเงิน ถือว่าไม่มีความผิด และไม่เข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้น
โดยคำแถลงดังกล่าว ไม่ทราบว่าเลขาธิการ กกต. นำมาจากคำร้องของผู้ใด เพราะสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยไม่เคยร้องว่าเงินที่พรรค พปชร.จัดระดมทุนโต๊ะจีนนั้น มีบุคคลต่างชาติบริจาคหรือไม่ แต่คำร้องที่สมาคมฯ ร้องให้ กกต.ตรวจสอบ คือ
1. มีข้าราชการและหรือหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคทั้งทางตรงหรือทางอ้อมตามมาตรา 76 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ อย่างไร
2. เงินที่นิติบุคคลบางแห่งบริจาคนั้น เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด แต่ทำไมจึงมีศักยภาพในการบริจาคได้ ซึ่งอาจเข้าข่ายมาตรา 72 และหรือมาตรา 29 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่
3. มีพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กทม. ททท. ฯลฯ มาร่วมซื้อโต๊ะและหรือบริจาคด้วยหรือไม่ ตามที่มีชื่อปรากฏในแผนผังของการจัดโต๊ะจีนดังกล่าว
ซึ่งหากพิจารณาไต่สวนแล้วมีข้อมูลอันเชื่อได้ว่ามีเหตุตามคำร้องทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น ก็สามารถใช้เป็นเหตุตามมาตรา 72 ประกอบมาตรา 92(3) ได้ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค พปชร. ได้ต่อไป
"การที่ เลขาธิการ กกต. มากล่าวอ้างการตรวจสอบเฉพาะมาตรา 74 คือ ไม่มีผู้บริจาคเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลต่างชาติก็สรุปเอาง่ายๆ ว่าไม่มีเหตุแห่งการยุบพรรค พปชร.โดยไม่นำมาตรา 72 มาพิจารณาตรวจสอบเลยนั้น ท่านเลขา กกต.ไปกินอะไรมาผิดสำแดงหรือเปล่า? เช่นนี้จะเรียกว่าเป็นการใช้อำนาจไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้อย่างไร ?"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง