ไม่พบผลการค้นหา
'อุตตม' ย้ำมารดาประชารัฐ คือ หัวใจสร้างมาตรฐานคน พร้อมทำทันที-ใช้งบไม่เกินกรอบวินัยการเงินประเทศ ขณะที่ 'สมศักดิ์' เปรียบมวยยก 5 คะแนนยังไม่ห่าง ต้องเร่งเต็มที่ ชี้เลือก พปชร. เป็น รบ.ไม่เกิดม็อบ-ความขัดแย้งอีก

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายมารดาประชารัฐ ว่า นโยบายดังกล่าว ถือเป็นหัวใจเริ่มต้นของแนวคิดประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ ที่ต้องการพัฒนาคนไทย ตั้งแต่เริ่มมีชีวิตในครรภ์มารดา ดังนั้นการดูแลมารดา ผ่านการสนับสนุนด้านการเงิน ตั้งแต่ตั้งท้องเดือนละ 3,000 บาท ไปจนคลอด รวม 27,000 บาท คือ การวางฐานให้เด็กในครรภ์ได้รับการดูแลที่ดี, ค่าคลอดบุตร จำนวน 10,000 บาท และเมื่อคลอดยังได้รับงบประมาณสนับสนุนเพื่อเลี้ยงดูบุตร เดือนละ 2,000 บาทไปจนถึงอายุ 6 ขวบ รวมงบประมาณที่ใช้เพื่อสร้างคนที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพและเป็นทรัพยากรสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ คนละ 1.8 แสนบาทต่อคน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

นายอุตตม กล่าวว่า สำหรับนโยบายมารดาประชารัฐ จะดูแลมารดาที่ตั้งครรภ์ทุกระดับฐานะอย่างเท่าเทียม เพราะตนเชื่อว่าแม้เป็นครอบครัวที่มีความสามารถเรื่องเงินทุน มีกำลังดูแลตัวเอง การดูแลด้วยเงินเดือนละ 3,000 บาทไม่ถือว่ามากเกินไป อย่างไรก็ตามจากสถิติประชากรที่เกิดต่อปี ในประเทศจะมีค่าเฉลี่ยที่ 6 แสนคนต่อปี ดังนั้นเมื่อนำคำนวณวงเงินงบประมาณ ถือว่าไม่เกินกว่าขีดความสามารถหรือเกินกรอบวินัยการเงินการคลัง

"นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นนโยบายเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าทำได้ทันทีตั้งแต่เป็นรัฐบาล นอกจากนั้นยังมีชุดนโยบายที่จะสอดรับกับแนวคิดประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ ผ่านนโยบายด้านการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัย จนถึงผู้สูงอายุ ผ่านการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ที่สามารถหางานทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่มุ่งเน้นด้านการจัดสรรงบประมาณลงไปเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อวัดจากคุณภาพแล้ว พบว่าไม่เป็นไปตามโจทย์ของการพัฒนาประเทศระยะยาวที่ยั่งยืน" นายอุตตม กล่าว

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายการการเลือกตั้งว่า ตอนนี้เปรียบเหมือนมวยก็เข้าสู่ยกสุดท้ายยกที่ 5 คะแนนยังแพ้ชนะยังไม่ขาด ดังนั้นของผู้สมัครแต่ละคน ถ้าเร่งเครื่องเต็มที่มีโอกาสคว้าชัยชนะได้อย่างแน่นอน นโยบายของพรรคพลังประชารัฐนั้นดีมากๆ เพราะเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของความต้องการของพี่น้องประชาชนจริงๆ เป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้ง่าย แถมยังต่อยอดจากรัฐบาลปัจจุบัน การที่นโยบายมาวิเคราะห์และใส่เอาเม็ดเงินลงไปขับเคลื่อนจะใช้เวลาน้อย ผิดกับนโยบายของพรรคอื่นที่จะใช้เวลา 8-10 เดือน หรือบางอย่างต้องออกเป็นกฎหมาย ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร ยิ่งถ้าเราทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุดเกี่ยวกับนโยบายของพรรค อาจจะใช้รถวิ่งประชาสัมพันธ์ให้มากๆ และเข้าถึงทุกพื้นที่ เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและเห็นด้วยกับนโยบายของเรา

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องกระแสการจัดตั้งหลังการเลือกตั้ง ดูเหมือนว่าหลายพรรคจะเงียบไป เพราะเริ่มชัดเจนแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐจะเป็นหนึ่งใน 2 แกนนำหลักแน่นอน เพราะนโยบายเราดีกว่าพรรคอื่นชัดเจนและทำได้จริง จนพวกเขาต้องออกมาโจมตีเพื่อลดกระแสความนิยมของพรรคเรา ถ้าจะทำให้ง่ายขึ้น คือ อยากฝากพี่น้องประชาชนอย่าลังเลใจอะไรอีกแล้ว พรรคพลังประชารัฐหวังเข้ามาต่อยอดการพัฒนาประเทศและเป็นพรรคที่ดำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งในระบอบประชาธิปไตย หากเลือกเราไม่ต้องมาลุ้นต่ออีกว่า หลังตั้งรัฐบาลแล้วจะมีผลกระทบในเรื่องม็อบหรือความขัดแย้งตามมาอีก ไม่มีแน่นอน

“ในช่วงนี้ ผู้ใหญ่ของพรรคทุกฝ่ายทุกคน ออกมาช่วยพรรคหาเสียงกันหมดแล้ว ไม่มีใครนิ่งเฉย ทุกคนทุ่มเททำงาน พอออกมาก็จะเห็นว่าพรรคอื่นเริ่มเงียบเริ่มเกรงกลัวกระแสของพรรคเรา ขณะนี้เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์จะถึงวันลงคะแนน ผมอยากให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิ์เลือกพรรคพลังประชารัฐ อย่าให้พลาดโอกาสที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศ” นายสมศักดิ์ กล่าว

พลังประชารัฐ2.jpg