“ผมแค่ยกบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มันผิดกฎหมายหรือที่ผมจะปกป้องรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญคือการส่งเสริมประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ” มหาเธร์กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (3 ก.ค.) “รัฐบาลกำลังขัดต่อหลักนิติธรรม รวมถึงรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ได้ระบุว่ามาเลเซียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติหรือไม่ รัฐธรรมนูญเน้นย้ำถึงความเป็นมาเลย์-มาเลเซีย”
ความเห็นของมหาเธร์ในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ ฮูไซดี ฮูซิน หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของกลุ่มพรรคอัมโนในสาย บูกิต เกลูกอร์ กล่าวให้มหาเธร์หยุดการใช้วาทกรรมปลุกปั่นความรู้สึกแตกแยกทางเชื้อชาติในมาเลเซีย โดยในการออกมาตอบโต้ครั้งนี้ มหาเธร์ยังได้กล่าววิจารณ์ไปยังคณะรัฐมนตรีปัจจุบันของมาเลเซีย ภายใต้การนำของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบัน คู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของมหาเธร์
“ใช่ DAP (พรรคกิจประชาธิปไตย) มีรัฐมนตรีเพียง 4 คน แต่ภายในรัฐบาลมี ส.ส. 40 คน หาก DAP ถอนการสนับสนุน… รัฐบาลของ อันวาร์ อิบราฮืม จะล่มสลาย” มหาเธร์กล่าว “นั่นคือเหตุผลที่อันวาร์ต้องทำตามแถลงการณ์ของ DAP โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง ตานาห์ เมลายู (ดินแดนมาเลย์) ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และแทนที่ศาสนาประจำชาติอย่างศาสนาอิสลาม ด้วยประเทศที่เป็นโลกวิสัย และประเทศที่ไม่มีศาสนาอย่างเป็นทางการ”
พรรค DAP ของมาเลเซีย เป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายกลางอุดมการณ์ประชาธิปไตยสังคมนิยม โดยสมาชิกพรรคส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนเป็นหลัก แต่พรรคยังคงได้รับการสนับสนุนจากชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดียและมลายู ทั้งนี้ พรรค DAP มีฐานเสียงในปีนัง เปรัก และกัวลาลัมเปอร์ และเป็นอีกคู่แข่งทางการเมืองสำคัญของมหาเธร์
ก่อนหน้านี้ ฮูไซดี ออกมากล่าวเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ว่า ไม่มีประโยชน์ที่มหาเธร์จะออกมาพูดให้เกิดการกระตุ้นความรู้สึกแตกแยกทางเชื้อชาติ เนื่องจากชาวมาเลย์ส่วนใหญ่ต่างกระตือรือร้นที่จะเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ มาเลเซียกำลังหาทางกลับมามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และหลุดจากวิกฤตทางการเมือง หลังจากการระบาดของโควิด-19 และความแตกแยกทางการเมืองอันวุ่นวายของมาเลเซีย ซึ่งส่งผลให้มาเลเซียมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีกว่า 5 คนในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
ฮูไซดินยังปฏิเสธข้อกล่าวหาจากทางมหาเธร์ และยืนยันว่าพรรค DAP ไม่มีอิทธิพลอย่างมากในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เนื่องจากพรรค DAP มีรัฐมนตรีเพียง 4 คน “พอแล้วกับชักจูงกับชาวมาเลย์ด้วยการเล่นประเด็นทางเชื้อชาติเพื่ออำนาจและตำแหน่ง” ฮูไซดินกล่าว
ที่มา: