การโจมตีเมืองวินนิตเซียในครั้งนี้ เกิดขึ้นห่างไกลจากจุดปะทะกันระหว่างรัสเซียและยูเครนในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ โดยการโจมตีเกิดขึ้นในช่วงกลางเช้า ขณะที่ถนนของเมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเดินทางสัญจรไปมา โดยขีปนาวุธของรัสเซียถูกเล็งเป้ามาใส่อาคารด้านธุรกิจ ส่งผลให้รถที่จอดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงระเบิด จนเกิดควันดำหนาลอยขึ้นสู่อากาศ
คีรีโล ทีโมเชนโก รองหัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดีของยูเครน เปิดเผยว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงมาจากเรือดำน้ำรัสเซียในทะเลดำ ซึ่งใช้ขีปนาวุธร่อนคาลิบร์ ทั้งนี้ ทางการรัสเซียยังคงไม่ได้ออกมายืนยันถึงการยิงขีปนาวุธในครั้งนี้ ในขณะที่สถานีโทรทัศน์ RT ของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า การโจมตีในครั้งนี้ เล็งเป้าที่ตึกในเมืองวินนิตเซีย ซึ่งเป็นที่อยู่ของ “นาซี” ในยูเครน
วินนิตเซียเป็นอีกเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของยูเครน ซึ่งมีประชากรอยู่อาศัยทั้งสิ้น 370,000 คน โดยหลายพันคนลี้ภัยมาจากพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน สถานที่ที่รัสเซียยังคงเดินหน้าการรรุกรานอย่างต่อเนื่อง
โดยหลังจากการโจมตี ไอฮอร์ คลีเมนโก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยูเครนระบุว่า ปัจจุบันมีรายงานยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตเพียงแค่ 6 ราย โดยมีประชาชน 39 รายยังคงหายสาบสูญ ทั้งนี้ มีประชาชน 66 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว โดย 5 รายอยู่ในอาการวิกฤต ในขณะที่มีอีก 34 รายได้รับบาดเจ็บรุนแรง ทางการยูเครนเปิดเผยอีกว่า การโจมตียังได้ส่งผลให้รถกว่า 50 คันในบริเวณดังกล่าวระเบิด
เซเลนสกีกล่าวถึงการโจมตี พร้อมกับประณามรัสเซียว่า “ทุกๆ วัน รัสเซียได้ทำร้ายทำลายประชากรยูเครน ฆ่าเด็กชาวยูเครน และยิงจรวดโดยตรงมายังเป้าหมายพลเรือน สถานที่ที่ไม่มีกองทัพตั้งอยู่ มันจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่การก่อการร้าย มันคือรัฐนักสังหาร รัฐผู้ก่อการร้าย”
จากรายงานเปิดเผยว่า รัสเซียทำการยิงขีปนาวุธจากทะเลดำจำนวน 7 หัวใส่เมืองของยูเครน โดยมีขีปนาวุธดังกล่าว 4 หัว ถูกกองทัพอากาศยูเครนยิงสะกัดเอาไว้ได้ทัน ทั้งนี้ มีภาพวิดีโอที่ถูดส่งต่อหลังจากเหตุการณ์ยิงถล่มวินนิตเซีย ปรากฏให้เห็นประชาชนนอนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก อย่างไรก็ดี รัสเซียปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ตนไม่เคยทำการเล็งเป้าโจมตีพลเรือนยูเครน
สงครามในยูเครนที่กระทำโดยรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป ในขณะที่การสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และคดีอาชญากรรมสงคราม ที่นานาชาติตั้งข้อกล่าวหาต่อรัสเซีย ผ่านศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยเช่นกัน
ที่มา: