วันที่ 17 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อประธานรัฐสภา กรณี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้ามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ และให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อนายพิธา ใช่หรือไม่ ตามมาตรา 89 แห่งรัฐธรรมนูญ
โดย เรืองไกร อ้างว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความเห็นว่าสมาชิกภาพของ พิธา สิ้นสุดลงตามมาตรา 98 (3) จากกรณีถือครองหุ้นสื่อ และได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ย่อมทำให้ พิธา เป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะต้องห้ามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามมาตรา 160 (6) ตามมาด้วย เป็นเหตุให้ไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 89 วรรคหนึ่ง (2)
ดังนั้น ตามมาตรา 89 วรรคสอง บัญญัติว่า การเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น ทำให้ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันที่ 19 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ประธานรัฐสภาย่อมไม่อาจปล่อยให้มีการเสนอชื่อ พิธา ได้อีกครั้ง ใช่หรือไม่ เป็นอำนาจของประธานรัฐสภาตามมาตรา 80 ที่จะต้องตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว
เรืองไกร ยังให้ความเห็นว่า ในการประชุมวันที่ 19 ก.ค. นี้ ประธานรัฐสภายังไม่มีสิทธิชี้ขาดในการเสนอชื่อ พิธา พร้อมมองว่า ประธานสภาฯ ทั้ง 3 ท่าน ไม่ได้แม่นข้อกฎหมายนัก แม้แต่ ชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ ยังต้องมีคณะทำงานฝ่ายกฎหมายช่วยเหลือ ขณะที่ฝั่งวุฒิสภา เช่น พรเพชร วิชิตชลชัย หรือ เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.จะมีความแม่นยำด้านกฎหมายมากกว่า
เรืองไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสมาชิกรัฐสภาที่เสนอชื่อ พิธา และลงมติเห็นชอบให้ พิธา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนได้รวบรวมรายชื่อเพื่อนำส่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป แต่จะขอดูก่อนว่าในวันที่ 19 ก.ค. นี้จะมีความพยายามเสนอชื่อ พิธา อีกหรือไม่
ส่วนกรณี ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ซึ่งปรากฏว่า Thai Food Network Tv,Inc. จำนวน 2 หมื่นหุ้น มูลค่า 3,096,000 บาท ระบุว่าเป็นของ ฟารุต ไทยเศรษฐ์ (บุตรชาย ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ในฐานะผู้จัดการมรดกนั้น เรืองไกร ระบุว่า ต่างจากกรณีของ พิธา ที่หาวัตถุประสงค์ได้
อย่างไรก็ตาม กรณี ชาดา ในสารบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังไม่ปรากฏ ยังดูวัตถุประสงค์และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นไม่ได้ และเมื่อเสิร์ชภาษาไทย พบเฉพาะคำว่า ไทยฟู๊ดเน็ตเวิร์คจำกัด ไม่มีคำว่า ทีวี เพราะฉะนั้นข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะยื่นคำร้อง
"เราร้องข้อเท็จจริง ไม่ได้ร้องพร่ำเพื่อ ยืนยันจะตามเรื่อง ชาดา ต่อ แล้วต้องดูข้อเท็จจริงว่าต่างกันหรือไม่ เพราะของ พิธา บมจ.006 16 ปี ไม่มีวงเล็บ ว่าเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งต้องไปดูของ ชาดา ก่อน การจะกล่าวหาใครไม่ใช่จะยื่นได้เลย โซเชียลไม่ได้ตรวจอย่างผม การแสวงหาข้อเท็จจริงต้องดูที่มาที่ไป ซึ่งตนได้ไปย้อนดูบัญชีทรัพย์สินของ ชาดา ที่ยื่นมา 7-8 ครั้งที่ผ่านมาพึ่งมายื่นในเรื่องนี้เมื่อปี 2562" เรืองไกร กล่าว