วันที่ 20 เม.ย. 2565 รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รัฐบาลมีความมุ่งมั่นเดินหน้าแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ โดยเน้นสร้างสันติสุขควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ และในช่วงนี้เป็นเดือนรอมฎอนเดือนศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลก รัฐบาลโดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค4 สน.) ได้ดำเนินโครงการ “มัสยิดสานใจสู่สันติ” เริ่มตั้งแต่ 3 เม.ย.65-14 พ.ค.65 เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐในห้วงเวลาที่ผ่านมาและหลบหนี ได้กลับภูมิลำเนา มาพบกับครอบครัวและปฏิบัติศาสนกิจอย่างเต็มที่ ปราศจากการต่อสู้ด้วยวิธีรุนแรง ตัวเลข ณ วันที่ 18 เม.ย. มีผู้แสดงความจำนงแล้ว 266 คน
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวต่อว่า โครงการนี้เป็นการเปิดพื้นที่พูดคุยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามที่บริสุทธิ์ ผ่านกลไกของผู้ประสานงานในระดับพื้นที่ เช่น ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น สมาชิกชมรมสารใจสู่สันติ และสมาชิกศูนย์ประชาชนพันธุ์ดี โดยมีศูนย์สันติวิธี กอ.รมน.ภาค4 สน. เป็นแม่งานหลัก ซึ่งจำนวนผู้แสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการในปีนี้ เป็นสัญญาณที่ดีที่สุดในรอบ 18 ปี จากที่รัฐได้เปิดโอกาสและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องเหล่านี้ ด้วยหลักการให้อภัย ให้โอกาสและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ส่วนกรณีที่มีการปล่อยเฟกนิวส์ว่า หากผู้เห็นต่างกลับมาแล้วจะมีการติดตามตัวและนำไปสู่การจับกุมในที่สุด พล.ท.ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 ในฐานะรองผอ.กอ.รมน. ภาค 4 สน. ได้ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ภาครัฐจะไม่เข้าบังคับใช้กฎหมาย และไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด ขอให้เชื่อมั่นในตัวผู้ประสานงาน ที่ผ่านมามีผู้ที่ติดต่อเข้ามาเพื่อเข้าสู่กระบวนการจนประสบความสำเร็จออกไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขกับครอบครัว คาดว่าหลังจากห้วงเดือนรอมฎอนและรายอนี้ ก็จะมีกลุ่มผู้เห็นต่างแสดงความจำนงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในการเดินหน้าขับเคลื่อนสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้