ผลสำรวจล่าสุดของ 1 News กับ Kantar เผยว่า จากราคาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นในนิวซีแลนด์ นับเป็นผลงานของอาร์เดิร์นที่ย่ำแย่ที่สุด ตั้งแต่เธอขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศมา โดยคะแนนความต้องการให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศลดลงไป 3 คะแนน อย่างไรก็ดี เธอยังคงมีคะแนนนิยมนำหน้า คริส ลูซัน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอย่างเนชันแนล ที่ 30% ถึง 22%
พรรคเนชันแนล ซึ่งมีอุดมการณ์ฝ่ายขวากลาง ยังคงมีคะแนนนำพรรคแรงงานของอาร์เดิร์น ที่ 37% ถึง 33% โดยถ้าหากพรรคเนชันแนลของนิวซีแลนด์รวบรวมเสียงกับพรรคพันธมิตรเก่าแก่อย่างพรรคลิเบอทาเรียนไรท์แอค ซึ่งมีคะแนนนิยม 11% ทั้งสองจะสามารถรวบรวมเสียงได้มากพอเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ทั้งนี้ หากพรรคแรงงานของอาร์เดิร์น สามารถรวบรวมเสียงกับพรรคพันธมิตรเก่าแก่อย่างพรรคกรีน ซึ่งมีคะแนนนิยม 9% ทั้งสองจะยังคงไม่มีเสียงมากพอในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงถ้ายังจะได้พรรคเทปาตีเมารี ซึ่งอาจจะมีโอกาสในการเป็นพันธมิตรกันในทางการเมือง ซึ่งมีคะแนนนิยมอยู่แค่ 2% อาร์เดิร์นก็จะยังไม่มีเสียงมากพอในการจัดตั้งรัฐบาลของเธอได้อีกครั้ง
ผลสำรวจในครั้งนี้ สะท้อนความล้มเหลวในการบริหารงาน นับจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของพรรคแรงงานนิวซีแลนด์ หลังจากที่พรรคเคยได้รับการสนับสนุนจากการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ประสบกับความสำเร็จ และอาร์เดิร์นได้รับคะแนนนิยมมากพอ ผ่านเสียงที่มาเลือกตั้งให้เธอกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ด้วยที่นั่งของพรรคแรงงานเพียงลำพังเพียงพรรคเดียว
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งนิวซีแลนด์ยังเหลือเวลาให้อาร์เดิร์นปรับคะแนนนิยมของตนเองอีก 1 ปี แต่ผลสำรวจคะแนนนิยมรัฐบาลนิวซีแลนด์ยังคงถูกจัดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ในระยะหลายเดือนนี้ สืบเนื่องจากปัญหาค่าครองชีพในประเทศที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนในประเทศต่างรู้สึกถึงความอึมครึมในแนวโน้มทางเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์
อาร์เดิร์นได้ให้สัมภาษณ์กับทาง TVNZ ว่า ผลสำรวจในครั้งนี้สะท้อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ทั้งในนิวซีแลนด์เองและต่างประเทศ “แต่นิวซีแลนด์ก็มีข้อดีเช่นกัน ดิฉันมองไปที่แง่ดี อัตราการว่างงานต่ำ หนี้สัมพัทธ์ต่ำ และความจริงที่ว่าพรมแดนและการท่องเที่ยวของเรากำลังกลับมา สิ่งเหล่านั้นจะส่งเสริมแรงกระตุ้นที่จำเป็นมากสำหรับเราเพื่อก้าวไปข้างหน้า”
นอกจากนี้ ผลสำรวจของชาวนิวซีแลนด์ชี้ว่า ประชาชน 49% เชื่อว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมในช่วงระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า เทียบกับผู้ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้นที่ 26% และ 25% ที่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม โดยปัจจุบันนี้ นิวซีแลนด์พบกับวิกฤตเงินเฟ้อกว่า 7.3% นับเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 32 ปี
ที่มา: