พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยืนยัน ไม่รู้สึกกดดันการทำงาน หลังเป็นเต็งหนึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยยังทำงานเต็มที่ทุกวัน ทั้งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของพรรคการเมืองจะว่ากันไป
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีปฏิเสธตอบคำถามเรื่อง สถานการณ์วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยกล่าวสั้นๆว่า ไม่มีความเห็น เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อจะดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า จากนี้การวางตัวของตนก็ต้องระมัดระวังให้เป็นไปตามกฏหมายของ กกต.กิจกรรมที่เป็นเรื่องของรัฐบาลและความจำเป็นของประเทศ ก็ต้องดำเนินการ อย่านำมาเป็นประเด็นการเมือง เพราะเป็นคนละเรื่องการเมืองและการเลือกตั้งเป็นเรื่องของอนาคต จะกำหนดบทบาทประเทศอย่างไร ประชาชนต้องเรียนรู้
ส่วนการลงพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ จะมีตนร่วมลงพื้นที่ด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐจะดำเนินการ แต่ส่วนของจนประชาชนสามารถพบตนในทุกช่องทางอยู่แล้ว อย่าทำให้เป็นประเด็น เพราะมีโอกาสที่จะพบประชาชนไม่ผิดกฏหมาย
ส่วนเรื่องที่จะให้ตนไปร่วมดีเบต เป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่อยากฝากอย่าไปเชื่อคนที่พูดเก่งอย่างเดียว แต่นำมาทำเป็นนโยบายไม่ได้ เพราะมีผลกระทบกับเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณ อีกทั้งการทำงานไม่ได้ง่าย มีกฏหมายบังคับใช้อยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นคนไทยทุกคนต้องระลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ท่านทรงให้แนวทางลงมายังรัฐบาล โดยทรงพระราชทานพระราโชบายมาถึงรัฐบาลให้ทำให้ประชาชนมีความสุข มีทางออก ทางเลือกในการทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น และการแก้ปัญหาสังคม ต้องสร้างระเบียบวินัยของคนในชาติ ซึ่งตนตีความถึงการเคารพกฎหมายด้วย ต้องทำให้ทุกคนไม่มีผลกระทบต่อกันและกัน อีกเรื่องคือการทำให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ชาติพันธ์ โดยนำวัฒนธรรมและความเป็นมาของชาติ ไปเพิ่มมูลค่า โดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับไปดำเนินการ
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่าอะไรที่มันจบไปแล้ว ก็ให้มันจบ ต้องลดความขัดแย้งคนในชาติ
ส่วนโครงการจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยได้มอบแนวนโยบายในที่ประชุม ครม .ให้นำโครงการนี้ไปขับเคลื่อนให้ได้มากที่สุด โดยขอให้เชิญชวนภาคธุรกิจ เอกชน มาช่วยกันดูแลเกษตรกร ทั้งด้านความรู้และเครื่องจักร
วอนอย่าเชื่อข่าวลือให้มีสติรับข่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องข่าวลือข่าวเท็จ ที่มีจำนวนมากในช่วงนี้ ว่าส่วนตัวไม่อยากไปเกี่ยวข้อง แต่ต้องดูแลในเรื่องกฏหมาย ทั้ง พ.รบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขอร้องทุกฝ่ายอย่าไปหลงเชื่อ ขอให้มีสติในการรับรู้ข่าวสาร การบิดเบือนจะทำให้ประเทศเสียโอากาส เกิดความเสียหาย ขอความกรุณาสื่อ อย่านำไปเผยแพร่ แต่ควรเผยแพร่ข้อเท็จจริงในสิ่งที่รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ เพื่อให้เกิดหลักคิดที่ถูกต้อง มีเหตุผลในการที่จะเลือกตั้งมากกว่าการเลือกตั้งแบบเดิมๆ ด้วยความใกล้ชิด ความสัมพันธ์แบบส่วนตัว แต่ขอให้มองในประเด็นใหญ่ ในการที่จะได้ ส.ส.และรัฐบาล ที่ดี เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีขอบคุณสื่อ พร้อมระบุ ว่าตนก็ต้องปรับตัว สื่อเองก็ต้องปรับตัว ดังนั้นพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกคน ก็ต้องปรับตัว เพื่อให้ประเทศ เดินไปข้างหน้า ต้องขอร้องทุกคน ปรับตัวให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
นายกรัฐมนตรี ยืนยัน การจัดรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ได้เป็นการพูดเรื่องการเมืองหรือหาเสียง แต่เป็นการพูดเพื่อให้ประชาชนรับทราบการดำเนินงานและแก้ไขของรัฐบาล