วันที่ 17 ม.ค. วันชัย สอนศิริ ส.ว. กล่าวถึงปัจจัยในการเลือกนายกรัฐมนตรี จะมีอะไรพลิกหรือไม่เนื่องจากมีการเช็กชื่อ โดยระบุว่า ไม่ว่า ส.ว.จะมาจากสายไหน แต่เวลาพิจารณา จะดูว่าใครมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เสียงของ ส.ว.ก็จะไปทางนั้น หาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมเสียงได้เกิน 251 เสียง เชื่อว่า ไม่ว่า ส.ว. สายไหนก็จะให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศ รวมถึงพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่นๆ ส.ว.ก็จะต้องลงคะแนนให้
เมื่อถามว่าในฐานะ วันชัย ออกมาแสดงความเห็นบ่อยครั้ง คาดการณ์ว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะมีทิศทางใด วัยชัย กล่าวว่า คนที่เราคิดไม่ถึงอาจจะมีสิทธิ เพราะซีกรัฐบาลเดิม ตนไม่แน่ใจว่าจะรวมเสียงกันได้ถึง 251 เสียงหรือไม่ หากรัฐบาลเดิมรวมเสียงได้ 251 เสียงจริง ก็เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยังมีสิทธิได้เป็นต่อ
แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ที่แตกออกไปเป็น 2 ซีก ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งมาพอสมควรแล้ว ไม่มั่นใจว่าซีกเดิมจะรวมเสียงได้ 251 เสียงหรือไม่ หากไม่สามารถทำได้ ก็เชื่อว่าจะเป็นการจับขั้วใหม่
"อาจจะเป็นของเพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ หากรวมกันได้ซีกนี้ก็จะเป็นรัฐบาลได้ ประกอบกับดูจากบุคลิกภาพของ พล.อ.ประวิตร ท่านก็สามารถไปได้ทุกกลุ่มฝ่าย ผมเชื่อเหลือเกินว่า คนที่จะมาเป็นนายกฯ หรือฝ่ายบริหาร อาจจะเป็นพรรคอื่นที่ไม่เคยจัดตั้งรัฐบาลมาก่อนก็ได้ อาจจะไม่ใช่พลังประชารัฐและเพื่อไทย แต่อาจจะเป็นพรรคกลางๆ และชูคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ อย่าไปประมาทพรรคภูมิใจไทย" วันชัย กล่าว
ส่วนจะเป็นการตอกย้ำสูตรรวม 3 พรรค ภูมิใจไทย-เพื่อไทย-พลังประชารัฐ หรือไม่นั้น วันชัย ระบุว่า โดยหลักตนมองว่า คงจะต้องยึดเอารัฐบาลเดิมก่อน แต่หากไม่ถึง ก็จะต้องเป็นการประนอมอำนาจร่วมกัน เพื่อให้เกิดรัฐบาลขึ้น ลำพังพรรคเพื่อไทย เอาคนที่ชูเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้ต้องประนีประนอมกับภูมิใจไทยและพลังประชารัฐ ถ้าพลังประชารัฐแข็งขืนเกินไปอาจจะตั้งรัฐบาลไม่ได้