วันที่ 5 ม.ค. 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย โดยมี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกอภิปรายการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลให้พื้นที่ภาคใต้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นการอภิปราย สุณัฐชา ได้พาดพิงเรื่องในอดีตของพรรคเพื่อไทย สมัย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังดำรงตำแหน่งนายกฯ และมีการจัดสรรงบประมาณให้แต่ละท้องที่แตกต่างกันตามความนิยมของรัฐบาลในขณะนั้น ตลอดจนกล่าวถึงนโยบายการจำนำข้าวที่ผิดพลาด
“เงินภาษีทุกบาททุกสตางค์จะต้องได้รับการจัดสรรอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกที่รักมักที่ซัง เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองเหมือนในอดีต ที่คนใต้โดนเลือกปฏิบัติเพียงเพราะเหตุผลไม่นิยมชมชอบพรรครัฐบาลในขณะนั้น”
สุณัฐชา กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลเศรษฐี ภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้รับฉายาว่าเป็นเซลล์แมนสแตนชิน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีดีเอ็นเอหรือรากเหง้ามาจากพรรคไทยรักไทยที่มีนายใหญ่สายชินเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลในปี 2544 เป็นเจ้าของคำพูดที่ว่าจังหวัดไหนไม่เลือกให้รอการพัฒนาไปก่อน ต่อมาแปรสภาพเป็นพรรคพลังประชาชนและจบด้วยการยุบพรรคที่สุดกลายเป็นพรรคเพื่อไทย ที่เมินการจัดสรรงบประมาณลงภาคใต้ แต่กลับใช้งบประมาณ 1.39 ล้านล้านบาท ไปกับโครงการจำนำข้าว
ทำให้ สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง สุณัฐชา โยดยขอให้อภิปรายอยู่ในประเด็นการอภิปรายงบประมาณ อย่าย้อนไปไกลถึงเรื่องในอดีต แต่ พิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โต้กลับยืนยันว่า สุณัฐชา ยังอภิปรายอยู่ในประเด็นและไม่ได้ไปกระทบกระเทือนทูลหัวของบ่าว ทำให้ สรวงศ์ ลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่งขอให้นายพิทักษ์เดชถอนคำพูด
ตามมาด้วยการปะทะคารมระหว่าง กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพี่อไทย ศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย รวมถึง ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประท้วงกันและกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ พิเชษฐ์ ต้องตัดบท และอนุญาตให้ สุณัฐชา อภิปรายต่อโดยอยู่ในประเด็นเรื่องงบประมาณ