ศาลปกครอง นัดฟังการพิจารณาคดี ที่กลุ่ม People Go Network ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีและ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีใช้อำนาจปิดกั้นการชุมนุม อันมีลักษณะเป็นการขัดขวาง คุกคาม ข่มขู่ และทำให้หวาดกลัวต่อการใช้เสรีภาพในการทำกิจกรรม “We Walk เดินมิตรภาพ” จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ไป จังหวัดขอนแก่นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อให้คู่ความได้แถลงต่อศาลด้วยวาจาและรับฟังความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีเพื่อประกอบการทำคำพิพากษา
โดยกลุ่ม People Go Network ยื่นฟ้องเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชดใช้ค่าเสียหายต่อการละเมิดเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญจำนวน 100,000 (หนึ่งแสน)บาท ซึ่งศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาตั้งแต่เดือนม.ค. จนกิจกรรมเสร็จสิ้น กระทั่งนำสู่การพิจารณาคดีนัดแรกวันนี้ และหลังจากทั้ง 2 ฝ่ายให้การ ซึ่งศาลจะพิจารณาทั้งอำนาจฟ้อง ข้อเท็จจริงการชุมนุมและการขัดขวางของเจ้าหน้าที่ รวมถึง ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามคำฟ้องหรือไม่ โดยนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง วันที่ 28 ก.ย. นี้
ด้านนายสุรชัย ตรงงาม เลขาธิการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม หรือ Enlaw ในฐานะทนายความ กล่าวว่า ทางกลุ่มยืนยันถึงการชุมนุมโดยสงบตามกรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญต่อศาล ซึ่งต้องอยู่เหนือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่ฝ่ายตำรวจอ้างในการขัดขวางการชุมนุม และเชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม และต้องรอผลพิพากษา ก่อนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ส่วนคดีที่ คสช.ฟ้องแกนนำ We walk นั้น อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องแล้ว
ขณะที่นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ แกนนำกลุ่มและหนึ่งในผู้ฟ้องคดี มั่นใจว่า ศาลจะรับว่าประชาชนมีอำนาจฟ้องตำรวจในกรณีนี้ และคดีนี้จะพิสูจน์ว่า ประชาชนจะมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญหรือต้องอยู่ใต้คำสั่ง คสช.กันแน่ พร้อมย้ำว่า การชุมนุมนอกจากเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแล้ว ยังเป็นเครื่องมือสำคัญของประชาชนในการแสดงออกและนำเสนอปัญหาด้วย ซึ่งคำสั่ง คสช.ต้องไม่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญและความสำคัญในเรื่องนี้