ไม่พบผลการค้นหา
'อารีธา แฟรงคลิน' นักร้องหญิงเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งการยืนหยัดเพื่อสิทธิสตรีสหรัฐฯ ยุคแรก ทั้งยังเป็นผู้คว้ารางวัลแกรมมี่มาครองได้ถึง 18 รางวัล เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 76 ปี

ครอบครัวของอารีธา แฟรงคลิน เปิดเผยกับสื่อในสหรัฐฯ วันนี้ (16 ส.ค.) ว่าเธอมีอาการป่วยหนัก และถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งแพทย์อนุญาตให้กลับไปยังบ้านพักที่เมืองดีทรอยต์ เพื่อให้เธอได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนสนิท จนกระทั่งเสียชีวิตอย่างสงบ ขณะมีอายุได้ 76 ปี

'อารีธา แฟรงคลิน' เกิดที่เมืองเมมฟิส มลรัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 1942 และเป็นบุตรสาวของศาสนจารย์ ซี.แอล. แฟรงคลิน นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิที่เท่าเทียมของชาวแอฟริกันอเมริกัน ซึ่งเคลื่อนไหวร่วมกับ 'มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์'

อารีธามีประสบการณ์เป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์มาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งมีโอกาสได้บันทึกเพลงอัลบั้มแรกเมื่อปี ค.ศ.1967 ขณะมีอายุได้ 25 ปี และเพลง I Never Loved a Man และเพลง Respect ได้รับความนิยมติดชาร์ตอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกาในเวลาเพียงไม่นานหลังจากผลงานออกสู่สาธารณะ

นักร้องหญิงในยุคหลังๆ จำนวนมาก เช่น อะเดล, อลิเชีย คีย์ส, คริสตินา อากีเลร่า รวมถึงนักเคลื่อนไหวทางสังคมอีกหลายคน เช่น รีเบคกา วอล์กเกอร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าพวกเธอได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงของอารีธา แฟรงคลิน โดยเฉพาะเพลง 'Respect' ซึ่งอารีธาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อได้ยินคำพูดทำนองนี้ เธอรู้สึกว่าชีวิตได้รับการเติมเต็มแล้ว


"การได้รู้ว่าตัวเองช่วยให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้นได้ ฉันก็ไม่คิดจะทำอะไรอย่างอื่น นอกจากช่วยให้ผู้คนได้เข้าใจและเรียนรู้กันและกันมากขึ้น ฉันเชื่อว่าเพลงเป็นสื่อสากล--สื่อสากลที่ช่วยขับเคลื่อนในเรื่องต่างๆ ได้"

เจ้าของฉายา 'ราชินีเพลงโซล' - พลังผลักดันเพื่อความเท่าเทียม

แอน เพาเวอร์ส นักวิจารณ์ดนตรีในสหรัฐฯ ระบุว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เพลง Respect ได้รับความนิยม เพราะเป็นเพลงที่มาถูกที่-ถูกเวลา เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเริ่มมีการพูดถึงสิทธิสตรีและสิทธิมนุษยชนในสังคมอเมริกัน ขณะที่การเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างคนผิวขาวและผิวสีกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเข้มข้น และเนื้อหาของเพลง Respect ที่พูดถึงการปฏิบัติต่อกันอย่างให้เกียรติภายในครอบครัวก็ได้กลายเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนที่กำลังพยายามผลักดันเรื่องนี้อยู่ในยุคนั้น

เพลง Respect เป็นเพลงที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมบันเทิงของอเมริกันในเวลาต่อมา โดยนิตยสาร Elle รายงานว่า เพลงนี้ถูกนำไปประกอบภาพยนตร์ถึง 29 เรื่อง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979-2015 ซึ่งหลายเรื่องใช้เพลงนี้ประกอบในฉากที่ตัวละครสำคัญกำลังแสดงความเห็นหรือกำลังประกาศจุดยืนอะไรบางอย่าง ทำให้อารีธา แฟรงคลิน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศความเท่าเทียมและการซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง

นับตั้งแต่ออกอัลบั้มแรกเมื่อ 51 ปีที่แล้ว อารีธา แฟรงคลิน มีผลงานเพลงยอดนิยมมากมาย โดยเพลงซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายรวมถึง I Say a Little Prayer, Natural Woman, Chain of Fools และเธอยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดนตรี 'แกรมมี่ อวอร์ด' ถึง 44 ครั้ง และคว้ารางวัลมาครองถึง 18 รางวัล ทั้งยังเป็นนักร้องหญิงคนแรกที่มีชื่ออยู่ในหอเกียรติยศร็อกแอนด์โรลขณะมีอายุ 52 ปี ก่อนหน้าที่วงดนตรีชื่อดังอย่างเดอะบีทเทิลส์จะได้รับการเสนอชื่อประดับหอเกียรติยศในปี ค.ศ. 1987 รวมถึงได้รับการยกย่องจากสื่อว่าเป็น 'ราชินีเพลงโซล' อีกด้วย

ความป่วยไข้และช่วงสุดท้ายของชีวิต

อารีธา แฟรงคลิน มีภาพลักษณ์ของการเป็นักต่อสู้ เธอจึงเป็นนักร้องหญิงเพียงคนเดียวที่มีโอกาสร้องเพลงช่วงหลังพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึง 3 คนด้วยกัน ได้แก่ จิมมี คาร์เตอร์, บิล คลินตัน และบารัก โอบามา ซึ่งถือเป็นเกียรติยศระดับประเทศ

นอกจากนี้ เธอยังได้รับมอบเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดี ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศที่ผู้นำสหรัฐฯ มอบให้กับบุคคลสำคัญและผู้ที่สร้างคุณูปการแก่ประเทศชาติ โดยผู้มอบรางวัลให้เธอคืออดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อปี ค.ศ. 2005

ผลงานล่าสุดของอารีธา แฟรงคลิน คือ อัลบั้ม A Brand New Me เป็นการนำผลงานเก่าๆ ของเธอกลับมาเรียบเรียงใหม่ วางจำหน่ายเมื่อเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว ส่วนการแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเธอ เป็นการขึ้นเวทีร่วมกับ 'เซอร์เอลตัน จอห์น' นักร้องนักดนตรีชื่อดังชาวอังกฤษ ในคอนเสิร์ตระดมทุนช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี/เอดส์เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วเช่นกัน

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า อารีธา แฟรงคลิน ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 และพยายามรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง แต่เธอปฏิเสธที่จะพูดถึงอาการเจ็บป่วยของตัวเองผ่านสื่อ

ส่วนการเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือน ส.ค. ถูกเปิดเผยโดย 'โรเจอร์ ฟรีดแมน' ผู้ดำเนินรายการ Showbiz 411's ซึ่งเขาระบุว่า อารีธา แฟรงคลิน ป่วยหนัก แต่ก็ได้อยู่กับครอบครัวและแวดล้อมไปด้วยคนที่เธอรัก เช่นเดียวกับที่คนทั่วโลกต่างส่งแรงใจภาวนาให้เธอเช่นกัน

ที่มา: AP/ CNN / Elle/ People/ Rolling Stone/ The Guardian