นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์การบริหารประเทศของรับบาล คสช. ในช่วงเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ว่าได้สร้างความสงบเรียบร้อยในการหยุดยั้งสถานการณ์ความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามดูต่อว่าจะวางรากฐาน ทำนโยบาย กติกาให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนอย่างไร ขณะที่เวลาเหลือน้อยลงทุกที
เนื่องจากที่ผ่านมา นโยบายหลายเรื่องเป็นการทำเฉพาะหน้ามากกว่า เช่น เศรษฐกิจ 4 ปี ใช้เงินเกือบล้านล้านบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรอบ ไม่เก็บภาษีเพื่อให้คนไปซื้อของ หรือลงทุน แต่ผลตอบแทนที่ได้ กลับไม่ไม่ได้ช่วยในเรื่องความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่
ส่วนการปฏิรูปในแง่ของการเมืองที่น่าเป็นห่วงคือ ใช้รัฐธรรมนูญมาปีเศษปรากฏว่าหลักการหลายอย่างมีแต่ความสับสน ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือสถานะขององค์กรอิสระ จากปัญหาการทำกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรอิสระ การปลด กกต. และเพิกเฉยต่อมติของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำให้ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอ่อนแอ
ขณะที่ การออกกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สะท้อนถึงความไม่รอบคอบของการทำกฎหมาย หลายเรื่องทำให้เห็นว่าคุณภาพของกฎหมายที่ออกมามีปัญหา หลายเรื่องสะท้อนให้เห็นว่าผู้เขียนกฎหมายไม่เข้าใจเงื่อนไขความเป็นจริงในสังคม จึงเป็นบทเรียนสำหรับ สนช. ว่าต้องรอบคอบและพิถีพิถัน ถ้าเขียนกฎหมายโดยเอาใจกลุ่มคนกลับไปกลับมาก็เกิดปัญหา แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ สนช. คิดว่าต้องรับผิดชอบกับ คสช. เนื่องจากมีที่มาจาก คสช. จึงต้องตอบสนองสิ่งที่ คสช. ต้องการ และที่น่าเป็นห่วงคือมีการออกกฎหมายเพิ่มอำนาจให้ราชการด้วย
ข่าวเกี่ยวข้อง :
4 ปี คสช. ตั้งงบฯ ทะลุ 11 ล้านล้าน ทำงบกลางปีเพิ่ม 3 ครั้ง ...เงินไปไหน?
สนช. จ่อฉลุยงบฯกลางปี 1.5 แสนล้าน อัดฉีด 'ประชารัฐ' ปลุกเศรษฐกิจฐานราก
'พิชัย' แนะ 'สมคิด' อย่าปล่อยนายกฯ เป็นตัวตลก บอกความจริงยิ่งปกปิดทุจริต ยิ่งไม่มีการลงทุน
อดีตขุนคลังชี้ไทยติดกับดักการเมือง 0.4 ยุคนายทุน-ขุนศึกจับมือกินรวบประเทศ