ไม่พบผลการค้นหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยเคลียร์ข่าวคลาดเคลื่อน ยืนยันไม่มีเลื่อน ไม่มีถอยกำหนดการเดิมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องยื่นเอกสารบัญชีเดียวกับยื่นสรรพากรเพื่อขอให้แบงก์พิจารณาสินเชื่อ ดีเดย์ 1 ม.ค. 2562 ตามกำหนด หลังจากให้เวลาปรับตัวมา 3 ปีแล้ว

นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า ธปท. จะผ่อนปรนให้เอสเอ็มอีที่ยังไม่พร้อม เลื่อนการใช้มาตรการบัญชีเดียวออกไปเป็นเวลา 3 ปี หรือ จนถึงปี 2564 นั้น


"ธปท. ขอเรียนว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และขอยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวจะเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2562 ตามกำหนดการเดิม"


ด้านนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ได้กำหนดนโยบายให้สถาบันการเงินทุกแห่งให้ใช้งบการเงินที่ธุรกิจเอสเอ็มอีแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นเสียภาษีเงินได้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินหรือขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไปนั้น

ธนาคารพาณิชย์พร้อมดำเนินการตามแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะเริ่มใช้งบการเงินที่ธุรกิจเอสเอ็มอีนำส่งสรรพากรประกอบในการพิจารณาสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป เพราะธนาคารพาณิชย์เห็นว่าการที่ธุรกิจเอสเอ็มอีทำบัญชีเดียวจะส่งผลดีต่อธุรกิจ ในการเห็นสถานะทางการเงินที่แท้จริงของธุรกิจจะส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจของลูกค้าในอนาคต และในด้านการขอสินเชื่อก็ทำให้ธนาคารพาณิชย์เห็นข้อมูลที่เป็นจริงของธุรกิจสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้ออกโครงการสำหรับสินเชื่อบัญชีเดียว อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 คงที่ 2 ปี ซึ่งมีธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีความพร้อมสนใจเข้าร่วมโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าหลังจากที่ธุรกิจเอสเอ็มอียื่นงบการเงินปี 2560 ส่งกรมสรรพากรเมื่อสิ้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา น่าจะมีธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการสินเชื่อบัญชีเดียวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 ได้มีประกาศพระราชกำหนดการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการบัญชีเล่มเดียวและการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเอสเอ็มอี SMEs

โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือก่อนวันที่ 31 ธ.ค. 2558 ไม่เกิน 500 ล้านบาท และจดแจ้งการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพ ที่แท้จริงของกิจการ (บัญชีเล่มเดียว) ต่อกรมสรรพากร จะได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง โดยกรมสรรพากรจะเปิดให้มีการจดแจ้งการใช้บัญชีเล่มเดียวผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2559 -15 มี.ค. 2559 ที่ผ่านมา พร้อมกับมาตรการยกเว้นภาษีเพื่อรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการในช่วงที่ผ่านมา


ข่าวเกี่ยวข้อง :