น้ำขึ้นและลงนั้นสัมพันธ์กับแรงดึงดูดระหว่างโลกและดวงจันทร์ และภาวะน้ำลดอย่างผิดปกติครั้งนี้เกิดขึ้นหลังปรากฏการณ์ซูเปอร์บลูบลัดมูน ซึ่งระดับน้ำลดลงไปต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 70 เซ็นติเมตร เป็นระดับน้ำที่ต่ำสุดในรอบหลายปี และทำให้เกิดปัญหาการจราจรทางน้ำ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเมือง
แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งที่น้ำลดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1934 น้ำเคยลดลงไปต่ำกว่าระดับเฉลี่ยถึง 121 เซ็นติเมตรมาแล้ว และในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์น้ำลดอย่างรุนแรงก็เคยเกิดมาแล้วในปี 2008 และ 2016
สำนักพยากรณ์อากาศของอิตาลีได้ออกมาแก้ไขความตกใจของประชาชนว่าระดับน้ำจะดีขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อฝนตก และเว็บไซต์ดิ อินดิเพนเดนท์รายงานว่า จริงๆ แล้วเวนิสควรไปกังวลเรื่องน้ำท่วมเรื้อรังมากกว่า โดยอ้างรายงานวิจัยที่ระบุว่า ในปี ค.ส. 2100 หรืออีก 82 ปีข้างหน้า ระดับน้ำรอบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะสูงขึ้นถึง 1.4 เมตร และจะท่วมบริเวณใกล้เคียงรวมถึงเวนิสเป็นวงกว้างถึง 5,500 ตารางกิโลเมตร
ทั้งนี้ระดับน้ำที่ลดต่ำลงนั้นก็ไม่ได้กระทบกับเทศกาลคาร์นิวัลประจำปีของเมืองเวนิสแต่อย่างใด โดยเทศกาลดังกล่าวยังคงดำเนินไปตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 14 ก.พ. ที่จะถึงนี้