“วัยที่เพิ่มขึ้นของเขาเป็นอุปสรรค ทำให้เขาขาดพลังในการปรากฏตัวต่อสาธารณะ หรือความสามารถในการนึกถึงชื่อขึ้นมาได้อย่างง่ายๆ” แฟรงคลิน โฟเออร์ ผู้เขียนหนังสือ The Last Politician: Inside Joe Biden’s White House and the Struggle for America's Future ระบุในหนังสือ
“เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เขาจัดการประชุมในช่วงเช้าน้อยมาก หรือเป็นประธานในงานสาธารณะเพียงไม่กี่ครั้งก่อนเวลา 10.00 น. บุคลิกสาธารณะของเขา สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมถอยทางร่างกาย และความเสื่อมโทรมของความสามารถทางความคิด ที่ไม่สามารถต้านทานด้วยยาหรือการออกกำลังกายได้” โฟเออร์ระบุ “โดยส่วนตัวแล้ว เขายอมรับว่าเขารู้สึกเหนื่อยเป็นครั้งคราว”
ทั้งนี้ โฟเออร์ไม่ได้อ้างอิงแหล่งที่มา สำหรับคำพูดส่วนตัวที่อ้างว่าไบเดนกล่าว แต่ตามรายงานของสำนักพิมพ์ Penguin Random House ระบุว่า เนื้อหาในหนังสือของโฟเออร์มีพื้นฐานมาจาก "การเข้าถึงที่ปรึกษาวงในที่แน่นแฟ้นที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งอยู่ล้อมรอบไบเดนมานานหลายทศวรรษ"
ประเด็นด้านอายุของไบเดนถูกพูดถึงมาโดยตลอด นับตั้งแต่อดีตวุฒิสมาชิกและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ เข้าร่วมการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อเผชิญหน้ากับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2563 เมื่อเขามีอายุ 77 ปี ทั้งนี้ ไบเดนเอาชนะทรัมป์ได้อย่างชัดเจน และเขาได้กลายเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดที่เคยได้รับเลือกในสหรัฐฯ นอกจากนี้ หากไบเดนชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในปีหน้า และครองอำนาจครบ 4 ปี เขาจะมีอายุ 86 ปีเมื่อลงจากตำแหน่ง
ผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ที่จะเผชิญหน้ากับไบเดน ต่างมุ่งความสนใจในการโจมตีในทางการเมือง ไปที่ประเด็นด้านอายุของไบเดนอย่างไม่ลดละ เช่นเดียวกันกับทรัมป์ ซึ่งประกาศลงท้าชิงการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในครั้งนี้ ที่ได้กล่าวโจมตีไบเดนด้วยประเด็นอายุเช่นกัน แม้ว่าตัวเขาเองจะมีอายุกว่า 77 ปีก็ตาม
อย่างไรก็ดี ในการสำรวจความคิดเห็นจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งพรรคเดโมแครต ต่างมีความกังวลมาอย่างยาวนาน เกี่ยวกับอายุของไบเดน โดยในสัปดาห์นี้ Associated Press และ Norc Center for Public Affairs เปิดเผยผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า 77% ของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยในนั้นมี 89% ซึ่งเป็นผู้สนับสุนนพรรครีพับลิกัน และ 69% ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ไบเดนแก่เกินไปที่จะมีประสิทธิภาพ หากเขาได้รับการเลือกตั้งใหม่อีกรอบ
ในการสำรวจเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 51% ซึ่งในนั้นมีเพียง 29% ที่เป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน กล่าวว่าอายุของทรัมป์จะเป็นปัญหา หากเขากลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง
โฟเออร์ ซึ่งเป็นอดีตบรรณาธิการของ New Republic นิตยสารแนวหัวก้าวหน้า ไม่หลบเลี่ยงการพูดถึงประเด็นด้านอายุของไบเดน แต่โฟเออร์ได้เน้นย้ำถึงประสบการณ์ทางการเมืองอันยิ่งใหญ่ของไบเดน ในฐานะที่เขาเคยได้รับตำแหน่งวุฒิสภาสหรัฐฯ มลรัฐเดลาแวร์ในปี 2515 การเป็นประธานคณะกรรมมาธิการตุลาการและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา และการดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในยุคสมัยของ บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างปี 2552 ถึง 2560 ที่ทำให้ไบเดนมีจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ที่มา: