เมื่อปี 2554 มีข่าวน่ารักๆ ปนประหลาดนิดๆ เมื่อเศรษฐีนีชาวอิตาเลียนคนหนึ่งได้เสียชีวิตลง และทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้กับสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็น "แมวดำ" ชื่อเจ้า "Tommaso" มูลค่าชวนตะลึงเพราะสูงถึง 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แปลงเป็นเงินไทยให้ชวนอิจฉาเล่นๆ ที่ประมาณ 390 ล้านบาท จากแมวธรรมดาๆ เจ้า Tommaso เลยกลายเป็นแมวที่รวยที่สุดในโลกตัวหนึ่ง
น่าจะเรียกได้ว่านางเป็น "แมวดำ" ที่โชคดีมีชัยสุดๆ ผิดเหล่าผิดกอแมวดำตัวอื่นๆ เพราะในความเชื่อแบบฝรั่ง แมวดำเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มดหมอผีในยุคกลาง ทำให้น้องดำเหล่านี้กลายเป็นสิ่งอับโชค ในหนังในละครกลายเป็นสัญลักษณ์ของภูติผีปีศาจ
เมื่อแมวดำ = แมวผี จึงไม่แปลกเลยที่พวกนางจะไม่มีใครรับเลี้ยง ตกค้างตามสถานสงเคราะห์สัตว์มากเป็นอันดับ 1 เป็นที่มาของความพยายามลบภาพลักษณ์ไม่ดี เช่น ในสหรัฐอเมริกา วันที่ 17 สิงหาคม ก็ถูกตั้งให้เป็น Black Cat Appreciation Day หรือวันยกย่องแมวดำ โดยในวันนี้สถานสงเคราะห์สัตว์จะถือโอกาสออกแคมเปญ ลด แลก แจก แถม รณรงค์ให้เหล่าทาสรับเจ้านายสีดำๆ ไปอุ้มชู
เอาเข้าจริงแมวดังๆ ตามไอจีเดี๋ยวนี้มีแมวดำเยอะแยะ แสดงให้เห็นว่ามรดกความเชื่อจากยุคกลางเริ่มเบาบางลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนไม่น้อยมีอาการ Black cat syndrome หรือรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับแมวดำนัก อย่างในบ้านเราก็มีความเชื่อเรื่องแมวดำเป็นแมวอัปมงคล ข้ามโลงศพแล้วศพฟื้นคืนชีพ ซึ่งหลายๆ คนคงเคยดูละครผีตอนเด็กๆ แล้วเห็นฉากนี้ผ่านตามาบ้าง
จะว่าไปเหตุผลที่ทำให้แมวดำบ้านเรากลายเป็นแมวไม่ดีนั้นหาต้นทางชัดๆ ได้ยากเหลือเกิน บางทฤษฎีบอกว่า มาจากตำนานเรื่อง “พระแม่ษัษฐี” (Shashthi) เทพเจ้าผู้คุ้มครองดูแลเด็กๆ ตามคติฮินดู เพราะมีเรื่องเล่าท้องถิ่นอินเดียใต้ระบุว่า พระนางมี “แมวดำ” เป็นพาหนะ
แมวดำตัวนี้เคยถูกผู้หญิงคนหนึ่งใส่ร้ายว่าขโมยอาหารจนถูกตีตาย เมื่อมาเกิดใหม่เป็นเทพพาหนะเลยแก้แค้นด้วยการกลับไปขโมยลูกของผู้หญิงคนนั้นหลายครั้งหลายหน แมวดำสำหรับคนบางกลุ่มในอินเดียจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ปลอดภัยและลางร้ายในที่สุด
"พระแม่ษัษฐี” (Shashthi) บางตำนานระบุว่าเป็นภาคหนึ่งของพระแม่อุมา ขี่แมวเป็นพาหนะ
ฟังดูก็เข้าที แต่ฟังดีๆ ชื่อของพระแม่ษัษฐีก็แทบไม่คุ้นหูในหมู่ชาวไทย ตำนานนี้จึงดูไกลตัวไปนิด สู้ไม่ได้กับเรื่อง “แมวดำ” ของบรรดาแม่มดในยุโรปยุคกลาง ที่ฝังรากเป็นความเชื่อในหมู่ฝรั่งตะวันตก ซึ่งความเชื่อนี้อาจเผยแพร่เข้ามาในบ้านเราผ่านสื่อบันเทิงรูปแบบต่างๆ เช่น วรรณกรรม และภาพยนตร์ โดยในยุคปี 2500 เป็นต้นมา วงการภาพยนตร์ไทยเองก็เริ่มมีการใส่แมวสีโทนดำๆ เป็นตัวละครสยองขวัญแล้ว เช่น ภาพยนตร์ “นางแมวผี” ปี 2503
ซึ่งภาพลักษณ์แบบนี้ช่างขัดแย้งกับความเชื่อโบร่ำโบราณเหลือเกิน เพราะแทบทุกตำราดูแมว เล่มไหนเล่มนั้นเขียนเหมือนกันหมด ว่า "แมวดำคือแมวดี" ไม่ใช่แมวผีอย่างทุกวันนี้
เชื่อได้ว่าคติเรื่องแมวดำเป็นแมวอัปมงคลในบ้านเรา เป็นความเชื่อที่เกิดขึ้นในยุคหลัง โดยสันนิษฐานกันว่าแมวดำเป็นของดีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมาถึงรัตนโกสินทร์ แม้แต่ในตำราดูลักษณะแมวของวัดอนงคาราม พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ พุทธสรมหาเถระ พ.ศ. 2500 หรือเมื่อ 61 ปีที่แล้วก็ยังระบุว่า ในจำนวน "แมวดี" 17 ชนิดนั้น เป็นแมวสีพื้นดำถึง 9 ชนิด ได้แก่
แมวนิลรัตน์ ตัวดำล้วน หางยาวอ้อมถึงหัว
แมวนิจจักร ตัวดำสนิท รอบคอขาว
แมวมุลิลา ดำทั้งตัว มีแต่หูสองข้างสีขาว
แมวปัดเศวต ตัวสีดำ มีแถบขาวยาวจากสันจมูก ยาวไปตลอดหลังถึงปลายหาง
แมวกระจอก ตัวดำ รอบปากขาว
แมวสิงหเสพย์ ตัวดำ รอบปากขาว รอบคอขาว
แมวการเวก ตัวดำ สันจมูกขาว
แมวจตุบท สีดำ เท้าทั้งสี่ข้างขาว
แมวโกญจา ตัวสีดำล้วน ปากหางเรียว เท้าสิงห์ ตาเหลืองอำพัน
ในตำราระบุว่าน้องๆ ข้างบนนี้เป็น "แมวศรี" หรือแมวมงคล ตอนมีชีวิตต้องเลี้ยงอย่างดี ตอนตายก็ต้องรักษาซากเพราะเชื่อว่ามีคุณ โดยมีกาพย์แต่งไว้ว่า
แม้นตายอย่างทิ้งซากผี ฝังไว้แรมปี แล้วเก็บกระดูกแมวมา ฯ
ใส่หม้อพิทักษ์รักษา จะมีคุนา นุคุณดั่งเป็นเหมือนกัน ฯ
เลี้ยงแล้วอย่าได้เดียดฉัน ทุบโบยตีรัน ถนอมจงรักหนักหนา ฯ
บันจงอาหารโภชนา เข้าน้ำผักปลา ทุกสิ่งบำเรอบริบูรณ ฯ
ส่วนแมวร้ายให้โทษในตำรานี้มี 6 ชนิด นัมเบอร์วันก็คือ "แมวทุพพลเพศ" ตัวขาวจั๊ว ตาแดง นิสัยขี้ลักขโมยของ ตำราว่า "ให้โทษร้อนแรงผลาญ" ท่านว่าไม่ให้เลี้ยงเอาไปปล่อยทิ้งเสียทีเดียว
แต่ถึงจะบอกว่าคนในอดีตนิยมแมวดำกว่าแมวขาว คนเขียนก็มิได้หวังให้ผู้คนเฮโลมารุมฮิตแมวดำ แล้วเอาแมวขาว แมวเทา แมวสลิดไปทิ้งเพราะไม่ใช่แมวมงคล เพราะที่สุดแล้ว จะแมวสีไหน ได้ชื่อว่าเป็นแมว ร้องเหมียวได้ ก็น่ารักทั้งนั้น
ภาพลายเส้นแมวโกญจา พร้อมคำโคลงบรรยายรูปลักษณ์ในตำราดูลักษณะแมว วัดอนงคาราม จริงๆ แล้วตำราการดูลักษณะแมวให้โทษให้คุณ สะท้อนความช่างสังเกตสังกาของคนสมัยก่อน เพราะแมวให้โทษแม้มีการระบุรูปร่างลักษณะไม่มงคลไว้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะให้ความสำคัญกับอุปนิสัยที่ไม่ดีเช่นกัน เช่น ชอบลักของ, ซ่อนคน, กินลูกตัวเอง เหล่านี้จัดเป็นแมวไม่นิยมเลี้ยงทั้งสิ้น